ส่องคดี “แกนนำ พปชร.” “ชนักการเมือง”นักเลือกตั้ง

ส่องคดี “แกนนำ พปชร.”  “ชนักการเมือง”นักเลือกตั้ง

ข้อมูลในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.เท่าที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ เกี่ยวกับการตรวจสอบ “แกนนำ-เครือข่าย” ใน พปชร. จะเห็นได้ว่ามีบางรายถูก “ชี้มูลผิด” บางราย “ถูกตีตก” ทั้งหมดทั้งมวล ป.ป.ช.ต่างอ้างอิงถึง “พยานหลักฐาน” เป็นหลัก

“เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” แกนนำ “บ้านใหญ่ปากน้ำ” แบ็คอัพคอยคอยโทรลเสียง 6 ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

พลันถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด “แผลเก่า” เมื่อ 10 ปีก่อน สมัยนั่งเก้าอี้นายก อบจ.สมุทรปราการ กรณีถูกกล่าวหาว่าทุจริตเงินอุดหนุนวัดใน จ.สมุทรปราการ เสียหายกว่า 100 ล้านบาท จากยอดรวมทั้งหมด 800 กว่าล้านบาท

แต่ไม่ใช่แค่คดีแรกที่ “คน พปชร.” ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกรณี “เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พปชร. ถูกชี้มูลฐานผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถูกกล่าวหาว่าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบ จนถูกศาลฎีกาพิพากษาให้หลุดเก้าอี้มาแล้ว

แถมยังโดนชี้มูลซ้ำอีกรอบ กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ประเด็นหนี้เงินกู้ลม 7.7 ล้านบาท และโชว์พระเครื่องดังทั้งที่ไม่มีอยู่จริง

ที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อร่างสร้างพรรค พปชร.มีบรรดา “นักการเมือง” หลายรายที่มี “ชนักปักหลัง” ย้ายมาสังกัด แต่สุดท้ายถูกองค์กรอิสระชี้มูลความผิด-มีคำพิพากษาไป เช่น “สิระ เจนจาคะ” อดีต ส.ส.กทม. ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาศาลอันถึงที่สุดให้จำคุก 

“พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี คดีล้มการประชุมอาเซียน และจำคุก 50 ปี คดีบุกรุกป่า ปัจจุบันศาลฎีกาออกหมายจับแล้ว แต่ “พ.ต.ท.ไวพจน์” ยังล่องหนอยู่

ไม่เว้นแม้แต่ “ระดับนำ” ในพรรค เช่น “วิรัช รัตนเศรษฐ” และครอบครัว แกนนำ “กลุ่มโคราช” ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลผิดคดีทุจริตการแปรญัตติจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เมื่อปี 2555 ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างไต่สวนในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลมีคำสั่งให้ “วิรัช” กับพวกต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราว

เช่นเดียวกับกรณี 2 หัวหอก กทม.พปชร. อย่าง “ตั้น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” อดีต รมว.ศึกษาธิการ และ “บี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก และตัดสิทธิทางการเมือง คดีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไป

แต่ยังมี “ระดับนำ” ใน พปชร.หลายคนที่มีชนักปักหลัง ต่างรอดพ้นเงื้อมมือองค์กรอิสระไปได้ เช่น “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำกลุ่ม 3 มิตร รมว.อุตสาหกรรม ถูกกล่าวหาในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของ ป.ป.ช. 2 คดี คือ กรณีการรับสินบนจากบริษัท โรลส์-รอยซ์ ในการจัดซื้อเครื่องยนต์ของเครื่องบินการบินไทยก้อนที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548 วงเงินกว่า 254 ล้านบาท โดยในโค้งสุดท้ายไม่มีชื่อ “สุริยะ” ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเฉพาะบรรดาบอร์ดการบินไทย และอนุกรรมการพิจารณาแผนลงทุนเท่านั้น

อีกคดีกรณีการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยระหว่างปี 2545-2547 ส่งผลให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้น และเป็นชนวนเหตุให้เกิดหนี้สินล้นพ้นตัวในเวลาต่อมา ปรากฏชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีและ “นายเก่า” ของ “สุริยะ” สมัยเป็น รมว.คมนาคม ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ปัจจุบันคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง และยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร

อีกราย “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” ภรรยา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่ม 3 มิตร เป็นอีกรายที่รอดพ้นเงื้อมมือ ป.ป.ช. โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากเห็นว่า ข้อกล่าวหา “อนงค์วรรณ” เมื่อครั้งเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีทุจริตโครงการสร้าง “ฝายแม้ว” วงเงินกว่า 770 ล้านบาทนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่มีมูลตามที่กล่าวหา จึงถูกตีตกไป แต่มีการชี้มูลความผิดแก่บรรดาอดีตข้าราชการแทน

ปัจจุบันยังเหลือแกนนำ พปชร. และบุคคลในเครือข่ายรัฐบาลไม่กี่ราย ที่ถูกยื่นคำร้องแก่ ป.ป.ช. และอยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงชั้นต้นของ ได้แก่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีกล่าวหาว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการ ในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่ไร้ประสิทธิภาพ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้รื้อฟื้นคดีนาฬิกาหรู อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ โดยมีนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เตรียมยื่นเรื่อง

ส่วนรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ มีรายเดียวคือ "สันติ พร้อมพัฒน์" รมช.คลัง กรณีถูกกล่าวหาเงินเยียวยาชาวไร่ยาสูบ จ.เพชรบูรณ์ หาย 50 ล้านบาท

ทั้งหมดคือข้อมูลในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.เท่าที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ เกี่ยวกับการตรวจสอบ “แกนนำ-เครือข่าย” ใน พปชร. จะเห็นได้ว่ามีบางรายถูก “ชี้มูลผิด” บางราย “ถูกตีตก” ทั้งหมดทั้งมวล ป.ป.ช.ต่างอ้างอิงถึง “พยานหลักฐาน” เป็นหลัก

สุดท้ายคนเหล่านี้ ใครจะรอด-ใครจะร่วง ย้งต้องลุ้นกันต่อ แต่ที่แน่ๆ คือฝ่ายตรงข้ามย่อมนำไปขยายผลในสนามเลือกต้้งเพื่อสกัดคู่แข่งอย่างแน่นอน