เช็กชื่อ “เพื่อน” ที่ “ประยุทธ์” เสียไป บนสไตล์ทำงานแบบแข็งกร้าว

เช็กชื่อ “เพื่อน” ที่ “ประยุทธ์” เสียไป บนสไตล์ทำงานแบบแข็งกร้าว

“พล.อ.ประยุทธ์” ต้องพิจารณาว่าเมื่อเสียเพื่อน-เสียมิตร จะทำอย่างไร ที่จะพลิกฟื้นตัวเอง และใช้เพื่อน-ใช้มิตรให้เหมาะสมกับงาน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ในเกมการเมืองภายภาคหน้า

“ผมตระหนักดีว่าบางครั้งความแข็งกร้าวของผม ทำให้ผมต้องเสียเพื่อน เสียมิตร แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ผมต้องแลก เพื่อจะทำสิ่งที่จำเป็นของประเทศให้เกิดขึ้นให้ได้” วาทะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กว่า 8 ปี

“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวม เพื่อนทางการทหาร เพื่อนทางการเมือง เพื่อนทางการบริหารประเทศ ที่ชายชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องเสียไปจากการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ชุดแรก เป็นเพื่อนที่ใช้งานในยุคแรกของรัฐบาล คสช. ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พลังงาน นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.คลัง จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตรมว.อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจที่เข้าไปทำงานหลังรัฐประหาร

ซึ่งขณะนั้น “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่น จึงใช้บริการของ “ทีมหม่อมอุ๋ย” เนื่องจากคอนเนกชั่นของแต่ละคนอยู่ในลำดับต้นๆ เพราะต่างมีประสบการณ์การทำงานด้านการเงิน การคลัง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องปลด “ทีมหม่อมอุ๋ย” แบบไร้เยื่อใย ทำให้เกิดความหมางใจกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปช่วงระยะหนึ่ง เพราะ “หม่อมอุ๋ย” เป็นเพื่อนสนิทของ “พล.อ.ประวิตร” แต่กลับลงมือปลดก่อนที่จะแจ้งในภายหลัง

ชุดสอง เป็นเพื่อน “นายทหาร” ซึ่งเรียนมารุ่นเดียวกัน ประกอบด้วย “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต รมช.กลาโหม ซึ่งเจอบ่วงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ก่อนจะโดนตัดสายสัมพันธ์ทิ้ง

“บิ๊กเต่า” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ อดีต รมว.แรงงาน ประสบปัญหาแรงงานต่างด้าว “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. เจอมรสุมเรือดำน้ำจนโดนลอยแพ

ชุดสาม เพื่อนที่ร่วมกันเป็นตัวตั้งตัวตีสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อต่อยอดอำนาจ ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยุคสอง ประกอบด้วย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ อุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา

โดยถือเป็นทีมเศรษฐกิจชุดสอง แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” กลับต้องเสียเพื่อน เพราะกลเกมการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการขับ “ทีม 4 กุมาร” ออกจากพรรคก่อนกระชับอำนาจให้ “พล.อ.ประวิตร” เข้ามายึดเป็นหัวหาดใช้ต่อรองทางการเมือง

ชุดสี่ เสียพี่-เสียน้อง แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะยังไม่ปลด “พล.อ.ประวิตร” ออกจากตำแหน่งแต่ในทางใจที่เคยมีให้กันไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เช่นเดียวกับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายแท้ๆ ของ “พล.อ.ประวิตร” ที่ต้องแยกทางกันเดินกับ “พล.อ.ประยุทธ์”

นอกจากนี้ ยังเสียพวก “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ จากที่เคยประกาศว่า “ผมเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาล” แต่ฉากสุดท้ายต้องแตกหักกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ภายหลังก่อกบฏขบคิดโหวตคว่ำให้หลุดจากการเก้าอี้นายกฯ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่องปี 2564

ชุดห้า เสียทีมซูเปอร์บอร์ด ประกอบด้วย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานตลาดหลักทรัพย์ วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศ บรรยง พงษ์พานิช อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งภายหลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างรุนแรง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์มีเพื่อนเก่าที่เหลืออยู่ ประกอบด้วย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นพี่ชายที่แนบแน่น พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร ส.ว. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ส.ว. พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว.

กลุ่มเพื่อนใหม่ ประกอบด้วย เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ซึ่งมีไว้วางเกมทางการเมือง รวมถึง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. ที่พูดคุยกันตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังมี “4 กลุ่มทุน” กับ “3 นายแบงค์” ที่ยังคอยให้การสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” มีบทบาทเป็นกองหนุน-กองช่วย

ดังนั้น “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องพิจารณาว่าเมื่อเสียเพื่อน-เสียมิตร จะทำอย่างไร ที่จะพลิกฟื้นตัวเอง และใช้เพื่อน-ใช้มิตรให้เหมาะสมกับงาน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ในเกมการเมืองภายภาคหน้า