“จตุพร” ซัด พท.โกหกประชาชน เปิดดีล พปชร.ตั้งรัฐบาล ไม่มั่นใจชนะแลนด์สไลด์

“จตุพร” ซัด พท.โกหกประชาชน เปิดดีล พปชร.ตั้งรัฐบาล ไม่มั่นใจชนะแลนด์สไลด์

“จตุพร” ซัด “เพื่อไทย” โกหกประชาชน เปิดช่องดีล “พปชร.” เพราะไม่มั่นใจชนะ “แลนด์สไลด์” เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้าความนิยมไหลไป “ก้าวไกล” แทน ปลุกโค่น “3 ป.” ก่อน

เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2565 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” ตอนหนึ่งถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศพร้อมจับมือตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งกับทุกพรรคว่า การจับมือรวมตัวทางการเมืองเป็นไพ่ใบที่สองที่ส่อถึงความอยากเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ยิ่งแสดงพร้อมร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ต้องตัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เท่ากับไม่มั่นใจจะได้คะแนนเสียงแลนด์สไลด์จากประชาชนในการเลือกตั้ง

นายจตุพร กล่าวว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นสมาชิก พปชร. แต่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วยังช่วยรณรงค์หาเสียงในช่วงท้ายการเลือกตั้งเพียงครั้งเดียวจนได้เป็นรัฐบาล แต่ทำนโยบายหาเสียงของสี่กุมาร (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) แกนนำสำคัญของ พปชร.ในช่วงนั้นที่ประกาศไว้ไม่ได้สักข้อเดียว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า มาครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งใหม่ในอนาคต ตามสถาการณ์ปกติแล้วจะมีขึ้นในปี 2566 เมื่อเพื่อไทยพร้อมจับมือ พปชร.แล้ว ประเมินว่า ความนิยมจะไหลไปสู่พรรคก้าวไกลแทนที่ เพราะ พปชร.คือ พรรคสืบทอดอำนาจของ 3 ป. ดังนั้น นักการเมืองเห็นแก่ได้ประเทศจึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้

“ถ้ามุ่งแลนด์สไลด์ก็ทำไป เมื่อทำไม่ได้ก็หันมาจับมือ พปชร. แล้วประชาชนจะคิดอย่างไร และภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์จะว่าอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เพื่อไทยไม่ประกาศเลยคือ รวมตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล เนื่องจากปอดไม่ใหญ่ จึงไม่กล้าจับมือกับก้าวไกล แต่สิ่งสำคัญนักการเมืองควรเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งก่อน ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจึงเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังมี ส.ว.แต่งตั้งและเหลือเวลาอีกหนึ่งปีได้ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ส่วนองค์กรอิสระก็อยู่ครบ ดังนั้น 3 ป.จึงไม่ได้เสียเปรียบเลย ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เพื่อไทยปลุกประชาชนจึงเท่ากับโกหกประชาชน” นายจตุพร กล่าว

แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพราะนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อไม่มีทางไว้ใจคนอื่น ยิ่งกว่านั้นการหาคะแนนจากประชาชน แต่เปลี่ยนแปลงประเทศถึงแก่นแท้ไม่ได้เลย เพราะทุนเลือกตั้งทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็มาจากกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งการแก้รัฐธรรมนูญปี 60 หลังเลือกตั้งก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หากมองด้านดีตามพรรคเพื่อไทยต้องการ แม้ได้เสียงแลนด์สไลด์พอตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้เช่นกัน เนื่องจากต้องเจออุปสรรคเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้านด้วย อีกอย่างการบริหารประเทศยังถูกตรวจสอบด้วยยุทธศาสตร์ ดังนั้น สถานการณ์ในอนาคตส่อถึงเกิดความวุ่นวายแล้วทหารกลับมายึดอำนาจอีก จึงนำไปสู่ความล่มสลาย หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์อีกตามเคย คณะหลอมรวมประชาชน จึงชวนจัดการ 3 ป.ก่อน เพื่อไปสู่ความถูกต้องและได้ประชาธิปไตยของประชาชนแท้จริง ที่สำคัญทหารจะยอมประชาชนไม่ได้ยอมพรรคการเมือง

“วันนี้ 3 ป.ยังไม่ลงมือทางการเมืองเลย ปล่อยให้นักการเมืองเล่นไปก่อน ทั้งการรวมตัวตั้งรัฐบาล เนื่องจากรู้ว่าแลนด์สไลด์เกิดไม่ได้จริง ดังนั้นเพื่อไทยจึงหวังเสี้ยมให้ฝ่ายรัฐบาลแตกแยกกัน อีกอย่างช่วงเวลา 8 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ ครม.ของ 3 ป.ปลอดภัยจากการโกง เพราะมีผู้คุ้มครอง นักเลือกตั้งจึงมีความสุขที่สุด ดังนั้น การย้ายค่ายไปอยู่อีกฝั่งจึงเป็นไปได้ยากมาก ถึงที่สุดการเปลี่ยนแปลงไม่มีทางเกิดกับประเทศ มีทางเดียวเท่านั้น ต้องสร้างประชาชนให้แข็งแรงก่อน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ถ้าฝากอนาคตไว้กับนักเลือกตั้งจะสู้กับเผด็จการไม่ได้เลย บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก เนื่องจากทุกฝ่ายอำนาจตัดทิ้งประชาชนกระดาน หมายความว่า ทหารมีอำนาจก็ ตัดประชาชนออกไป รวมทั้งนักเลือกตั้งมีอำนาจก็ตัดประชาชนออกไปเช่นกัน หรือทั้งทหารจับมือพรรคการเมืองก็ตัดประชาชนออกอีกเหมือนเดิม ซึ่งกำลังคิดอยู่ในเวลานี้ สิ่งเหล่านี้คณะหลอมรวมฯ รู้ว่า อะไรเป็นอะไร แต่การต่อสู้ต้องกลืนเลือดกัน โดยแลกกับการถูกถากถางจากสิ่งที่โง่บัดซบไม่เข้าท่าจากบรรดานักเลือกตั้ง