ยุบ “ไทรักธรรม” ตัดสิทธิ “พีระวิทย์-กก.บห.” 10 ปี จูงใจชาวบ้านสมัครสมาชิก

ยุบ “ไทรักธรรม” ตัดสิทธิ “พีระวิทย์-กก.บห.” 10 ปี จูงใจชาวบ้านสมัครสมาชิก

“พรรคไทรักธรรม” ไม่รอด! ศาล รธน.เสียงข้างมากสั่ง “ยุบพรรค” เพิกถอนสิทธิ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค-กก.บห.” 10 ปี ปมใช้เงินจูงใจชาวบ้านสมัครสมาชิกพรรค จัดตั้งสาขาที่ จ.พิจิตร ชี้ทำให้สถาบันการเมืองไม่เข้มแข็ง มุ่งหวังผลประโยชน์ ฝ่าฝืนกฎหมาย

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 1/2565 กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักธรรม (ผู้ถูกร้อง) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 30 เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง ตามมาตรา 92 วรรคสอง และห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่น หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามมมาตรา 94 วรรคสอง

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีประเด็นต้องวินิจฉัย 3 ประเด็น ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 45 ประกอบ พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 30 และมาตรา 94 วรรคสอง คือ 

1.มีเหตุสมควรยุบพรรคผู้ถูกร้องตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 30 หรือไม่

2.กรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.ปพรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคสอง หรือไม่ เพียงใด

3.กรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องที่ถูกยุบพรรค จะจดทะเบียนพรรคขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรค หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคใหม่อีกไม่ได้ ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ถูกยุบตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 94 หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า หัวหน้าพรรคไทรักธรรม (นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค) มอบหมายให้นายมนัส มีชาวนา จูงใจชาวบ้าน ต.ป่ามะข้าม อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร สมัครสมาชิกพรรค เชิญชวนให้กลุ่มทำดอกไม้จันทน์ สมัครสมาชิกพรรคโดยไม่ต้องเสียค่าเข้า และค่าบำรุงพรรค โดยเสนอว่าจะซื้อวัสดุอุปกรณ์ทำดอกไม้จันทน์ และรับซื้อคืนดอกละ 1 บาท กระทั่งพรรคไทรักธรรม มีสมาชิกพรรคครบ 500 คน และเปิดสาขาพรรคได้ที่ จ.พิจิตร วิธีการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า หัวหน้าพรรคไทรักธรรม มอบหมายนายมนัสดำเนินการ จึงฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และมีผลผูกพันกับพรรค

แม้การยุบพรรคไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา กระทบเจตนารมณ์กฎหมาย เพราะกฎหมายประสงค์ให้เสริมสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง รวมถึงกระทบต่อสมาชิกพรรคอีกจำนวนมาก ที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันในการจัดตั้งพรรค แต่การหาสมาชิกพรรคด้วยวิธีดังกล่าว ไม่อาจส่งผลให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข้ง และเป็นองค์กรในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผลักดันแนวคิดของประชาชนไปสู่การปฏิบัติได้ 

เพราะการสมัครสมาชิกพรรค เกิดจากการหลงเชื่อ จูงใจของพรรคผู้ถูกร้อง บุคคลที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้ศรัทธา พรรค ไม่ได้รู้ศึกว่าตนเองเป็นเจ้าของ ไม่ได้ใส่ใจมาดำเนินกิจกรรม มีส่วนร่วม แต่สมัครเพราะมุ่งหวังเงินจากการทำดอกไม้จันทน์ หรือประโยชน์อื่นใดที่พรรคเสนอให้เท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามความมุ่งหมาย เจตนารมณ์เสรีภาพจัดตั้งพรรค ตามวิถีทางปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์และตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ยุบพรรคไทรักธรรม ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง ประกอบมาตรา 30 

เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างเดือน ก.ย. 2561-ม.ค. 2562 เป็นช่วงเวลามีการกระทำเป็นเหตุให้ยุบพรรค ตามมาตรา 92 วรรคสอง มีกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง 

และห้ามผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว จดทะเบียนพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคอื่น หรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีก ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ตาม 94 วรรคสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทำให้นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในทันที