"จ่านิว เพื่อไทย-โรม ก้าวไกล" เพื่อนรักประชาธิปไตยบนเส้นขนาน

"จ่านิว เพื่อไทย-โรม ก้าวไกล"   เพื่อนรักประชาธิปไตยบนเส้นขนาน

เมื่อ “จ่านิว” เลือกซีกสีแดง “โรม” เลือกฝั่งสีส้ม คงถึงคราวปิดฉากดูโอ้เพื่อนรัก “จ่านิว-โรม” คู่หูนักกิจกรรมต้านรัฐประหาร มาสู่วิถีการต่อสู้แบบ “นักการเมือง” อย่างเต็มตัว

กลายเป็นอีกหนึ่งนักกิจกรรมที่เปิดตัวมาอยู่กับ “พรรคเพื่อไทย” สำหรับ “จ่านิวสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อดีตแกนนำนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ในนาม “สภาหน้าโดม” และอดีตแกนนำม็อบเยาวชนคนรุ่นใหม่ต่อต้านการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2557

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ “จ่านิว” เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยนายสิรวิชญ์ กล่าวว่า ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะอยากมีส่วนร่วมกับพรรคซึ่งมีแนวทางเป็นประชาธิปไตย มีแนวนโยบายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้เป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบให้กับประชาชนอย่างมาก จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้พรรค “แลนด์สไลด์” เบื้องต้นยังไม่สนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง เพียงแต่ต้องการโอกาสเข้ามาเรียนรู้ในพรรคการเมือง ร่วมพูดคุยพบปะกับประชาชน

หลายคนที่ไม่ทันการรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดย คสช.อาจไม่คุ้นชื่อ “สิรวิชญ์” มากนัก ประวัติโดยสังเขป เป็นจบการศึกษาจากคณะ “สิงห์แดง” รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ปัจจุบันอายุ 30 ปี ชื่อเล่นว่า “นิว” แต่เพื่อนเรียก “จ่านิว” เป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาที่ออกมาต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง และต่อต้านการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556

กระทั่งเกิดการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 เจ้าตัวเป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษารุ่นแรก ๆ ที่เปิดหน้าเดินขบวนเรียกร้องให้คืนอำนาจแก่ประชาชน เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 คล้อยหลังวันรัฐประหารเพียงวันเดียว เจ้าตัวร่วมกับนักศึกษา นักกิจกรรมและประชาชนคนอื่น ๆ เดินเท้าจาก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อประท้วง คสช.แบบไม่เกรงกลัวอำนาจใครมาแล้ว ส่วนที่เหลืนับจากวันนั้น “จ่านิว” เป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาทำกิจกรรมต้านรัฐประหารนับไม่ถ้วน

ในช่วงเวลาดังกล่าว “จ่านิว” ร่วมทำกิจกรรมกับ “รังสิมันต์ โรม” เพื่อนรัก “รั้วแดงเหลือง” อดีตนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ อดีตแกนนำ “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จัดการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง ของพรรคเพื่อไทย ไล่ยาวมาถึงการจัดชุมนุมต่อต้านกฎอัยการศึกเมื่อปี 2557 กระทั่งเกิดรัฐประหาร

“จ่านิว” จากกลุ่มสภาหน้าโดม ร่วมกับ “โรม” จากขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ร่วมกันจัดชุมนุมแฟลชม็อบ และกิจกรรมต่าง ๆ เรียกร้องประชาธิปไตย ภายหลังการรัฐประหารโดย คสช.มาโดยตลอด

ระหว่างปี 2557-2561 ทั้งคู่มีคดีความติดตัวจาก คสช. และคดีความมั่นคงยาวเป็นหางว่าว เคยขึ้นศาลทหารมาหลายครั้ง พร้อมกับถูกฝ่ายความมั่นคง “โฟกัส” จับตาตลอด 24 ชั่วโมง เคยแม้กระทั่งไปบุกค้นบ้าน “จ่านิว” โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยมาแล้ว

แต่เส้นทางชีวิตของ “จ่านิว” กับ “โรม” เหมือนประชาธิปไตยบนเส้นขนาน พลันที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งเครือ “ไทยซัมมิท” กระโจนลงมาเล่นสนามการเมือง ชักชวน “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อาจารย์นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งใน “คณะนิติราษฎร์” ก่อร่างสร้าง “พรรคอนาคตใหม่”

“โรม” ในฐานะ “ศิษย์รัก” ของปิยบุตร ได้ร่วมหัวขบวนกับ “อาจารย์ป๊อก” เข้าสังกัดพรรคอนาคตใหม่ และเริ่มเฉิดฉายเส้นทางการเมืองของตัวเอง

ขณะที่ “จ่านิว” ยังคงโลดแล่นเป็นนักกิจกรรม “รุ่นเก๋า” อยู่ข้างนอก แต่ “โรม” เข้าไปทำหน้าที่ในสภาสลัดเสื้อผ้า “นักกิจกรรม” สวมสูทผูกไทด์เป็น “นักการเมือง” แล้ว

ในช่วงรอยต่อปี 2561-2562 “จ่านิว” ในนามกลุ่ม “พลเมืองโต้กลับ” ซึ่งมี “อานนท์ นำภา” สมัยเป็นทนายความให้คนเสื้อแดงร่วมอยู่ด้วย ขึ้นพูดเปิดเวทีชุมนุมหลาย ๆ แห่ง เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้ง กระทั่งปี 2562 “จ่านิว” ลดบทบาทตัวเองลงมา ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ เพื่อสอบชิงทุนไปเรียนต่อด้านรัฐศาสตร์ที่ต่างประเทศ จนมีสิทธิ์เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย

ทว่าความฝันดังกล่าวต้องจบลงเมื่อถูก “มือมืด” รุมทำร้ายถึง 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดเหตุบริเวณหน้า ซ.รามอินทรา 109 จนบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถไปเรียนต่อที่อินเดียตามที่ตั้งใจไว้ได้ เรื่องนี้ทำเอาเจ้าตัวเสียใจเป็นอย่างมาก

“โรม” ในฐานะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หน้าใหม่ในสภา “ค่ายสีส้ม” หอบเสื้อเปื้อนเลือดของ “จ่านิว” เพื่อนรัก ไปแถลงข่าวเรียกร้องความยุติธรรมที่รัฐสภา ทว่าจนถึงปัจจุบันเรื่องนี้ยังคงเงียบหายไปกับสายลม ไม่มีใครสามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

หลังจากนั้น “จ่านิว” ลดบทบาทลงมา ไม่ได้เป็นแกนนำการชุมนุมมากนัก มีบางงานที่ขึ้นไปกล่าวปราศรัยเป็นระยะ กระทั่งเกิดเหตุอีกครั้งเมื่อปี 2563 ชื่อของ “จ่านิว” ถูกพูดถึงเมื่อมีการจัดกิจกรรมชุมนุมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ จ.เชียงราย มีการแฉพฤติการณ์ของ “แกนนำคนรุ่นใหม่” บางคน โกงเงินนักกิจกรรม โดย “จ่านิว” เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกโกงเงินด้วย

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวชื่อของ “จ่านิว” ก็เงียบหายไปในทางการเมือง กระทั่งถูกพูดถึงอีกครั้งหลังเจ้าตัวโพสต์ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศแห่งหนึ่งในดินแดนอาหรับ

ล่าสุดในปี 2565 ว่ากันว่าเจ้าตัวได้กลับมาอยู่ประเทศไทย โดยในงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ได้เข้าร่วมงานเสวนากับบรรดานักวิชาการ “ฝ่ายซ้าย” หลายคน

ในช่วงเวลาดังกล่าวว่ากันว่า เกิดการต่อสายกันระหว่าง “ทีมคนรุ่นใหม่” ของพรรคเพื่อไทยกับ “จ่านิว” เพื่อดึงมาช่วยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า จนสุดท้ายตกลงปลงใจ “หมอชลน่าน” มาต้อนรับเปิดตัวเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา

คอการเมืองทราบกันดีอยู่แล้วว่า อุดมการณ์ของ 2 ขั้วนี้ จุดยืนต่อต้านเผด็จการเหมือนกัน แต่จุดยืนเกี่ยวกับการรื้อโครงสร้างประเทศแตกต่างกัน ที่สำคัญแฟนคลับของ 2 พรรคนี้ “เหนียวแน่น” ไม่มีใครยอมใคร

เมื่อ “จ่านิว” เลือกซีกสีแดง “โรม” เลือกฝั่งสีส้ม คงถึงคราวปิดฉากดูโอ้เพื่อนรัก “จ่านิว-โรม” คู่หูนักกิจกรรมต้านรัฐประหาร มาสู่วิถีการต่อสู้แบบ “นักการเมือง” อย่างเต็มตัว