"มท." เผย เริ่มภารกิจสงครามกวาดล้าง จับตรวจสารเสพติด ขรก.ทุกอำเภอ

"มท." เผย เริ่มภารกิจสงครามกวาดล้าง จับตรวจสารเสพติด ขรก.ทุกอำเภอ

"ปลัดมท." เผย เอ็กซ์เรย์ ตรวจสารเสพติดอย่างต่อเนื่อง จับกุมผู้ต้องหาและเร่งขยายผลในทุกวัน พร้อมเชิญชวนแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เน้นย้ำ ทุกข้อมูลเป็นความลับ ผู้แจ้งทุกคนได้รับความคุ้มครองข้อมูลตามกฎหมาย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติดอย่างเข้มข้นในทุกวัน ซึ่งทุกหน่วยงานในพื้นที่ได้ทำการRe X-Ray อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสารเสพติดและพฤติกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ อาทิ จ.ชุมพร และจ.ตาก ได้ตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายเจ้าหน้าที่ อส. ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น ซึ่งไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด และจังหวัดนครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งการไปยังนายอำเภอทุกอำเภอ ดำเนินการตรวจสารเสพติดข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่สมาชิก อส. และฝ่ายปกครองท้องที่ทุกอำเภอ โดยในขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 7 อำเภอ ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย พร้อมย้ำเตือนให้ดำเนินการตรวจหาสารเสพติดในบุคลากรให้ครบทั้ง 32 อำเภอภายในสัปดาห์หน้า 

นอกจากนี้ ในหลายจังหวัดได้บูรณาการกำลังด้านความมั่นคง ทำการปล่อยแถวกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมทุกรูปแบบ เช่น จ.ชลบุรี สมุทรสาคร พัทลุง อ่างทอง และพบว่าในหลายจังหวัดได้เพิ่มความเข้มงวดและวงรอบการลงพื้นที่ตรวจสถานบริการ และมุ่งระดมจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ และย้ำว่าขณะนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นภารกิจประกาศสงครามกวาดล้างกับยาเสพติด จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองให้ดีด้วยใจรุกรบ และ Passion ที่ปรารถนาจะ Change for Good ทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยด้วยความอดทนและเพียรพยายาม เพราะในท้ายที่สุด ผลที่ทุกคนได้ทำ ได้ปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นนี้ จะนำสังคมไทยไปสู่ความเข้มแข็งและความมั่นคง สร้างความสงบสุข ความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับชุมชน ให้กับบ้านเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะยั่งยืนได้ ต้องมีฐานที่มั่นคง ที่เริ่มต้นจากการทำจุดเล็กๆ เมื่อจุดเล็กๆเพิ่มพูนขึ้น ก็จะเติมเต็มกลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่ นั่นหมายถึง วงกลมแห่งความปลอดภัยวงกลมแห่งการปลอดยาเสพติด นั่นคือ “ความสุขที่ยั่งยืนของพี่น้องประชาชน” นั่นเอง 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ 

1. จังหวัดพิจิตร ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพทะเล เข้าตรวจค้นและจับกุมนายทัศนัย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี หลังสืบทราบว่าเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.พิจิตรและจังหวัดใกล้เคียง พร้อมของกลางยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบปุ๋ยเคมีภัณฑ์ 109,200 เม็ด โดยตรวจสอบพบมีประวัติเคยถูกตำรวจสภ.โพทะเล จับกุมข้อหาครอบครองและเสพมา 2 ครั้งเมื่อหลายปีก่อน และพ้นโทษออกมาก็กลับมาค้ายาเสพติดอีกรอบสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพ จึงคุมตัวไว้ดำเนินคดี

2. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุดเฉพาะกิจอำเภอเคียนซา (ฉก.ธารทิพย์) ประกอบด้วย ปลัดอำเภอกำนันตำบลเคียนซา กำนันตำบลอรัญคามวารี และสมาชิก อส.อ.เคียนซา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด จำนวน 4 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 3,491 เม็ดอาวุธปืนลูกซองพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวน 5 นัด อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .32 พร้อมเครื่องกระสุนปืน 7 นัด และได้นำตัวผู้ต้องหาทุกราย ส่งพนักงานสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

3. จังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายปกครองอำเภอขุนหาญ สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารฉก. กองกำลังสุรนารี, กวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามแผน"ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน" ในพื้นที่ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 1,225 เม็ด อาวุธปืนแก๊ป จำนวน 1 กระบอก โดยได้นำตัวผู้ถูกจับกุม ทั้ง 5 ราย พร้อมด้วยของกลางนำส่ง พนักงานสืบสวนและสอบสวน สภ.ขุนหาญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

4. จังหวัดลำปาง ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา ตรวจค้นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1,078 เม็ด และได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

5. จังหวัดอุทัยธานี ฝ่ายปกครองอำเภอทัพทัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด จำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดและอยู่ในระหว่างการประกันตัว 2 ราย เป็นผู้พ้นโทษในคดียาเสพติด 2 ราย และเป็นผู้ต้องหารายใหม่ จำนวน 1 รายพร้อมของกลาง อาวุธปืน 6 กระบอก, ยาบ้า 286 เม็ด  ทั้งนี้ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางและหลักฐานการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฏหมายแล้ว นอกจากนี้ได้นำตัวผู้ป่วยยาเสพติด หญิงไทย อายุ 44 ปี ส่งเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูที่โรงพยาบาลทัพทันอีก1 ราย

นายสุทธิพงษ์  กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยยังคงได้รับการรายงานผลการจับกุมผู้ค้ารายย่อยเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก และแม้ว่าการจับกุมในแต่ละครั้ง จะได้ของกลางมากน้อยเพียงใด เจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่ายต่างมีความปรารถนาที่จะกวาดล้างให้ยาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างสิ้นซาก จึงขอขอบคุณฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และภาคีเครือข่ายพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่มีความตั้งใจในการ Change for Good ทำให้ทุกครอบครัวไทยเป็นครอบครัวปลอดยาเสพติด 

“หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดมาตรการการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ผู้ร้องเรียน และผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงมั่นใจได้ว่า ท่านจะได้รับการคุ้มครองสิทธิและข้อมูลของท่านจะถูกปกปิดเป็นความลับ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย และป้องกันผลกระทบ สร้างความปลอดภัยให้กับผู้แจ้งเบาะแส จึงขอให้ทุกท่านได้ช่วยกันแจ้งเข้ามา เพื่อทำให้สังคมไทยเป็นสังคมปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว