ผุดไอเดียออก กม. “คืนปืนเถื่อน” ไม่เอาโทษอาญา มท.1 ขออย่าเรียกนิรโทษกรรม

ผุดไอเดียออก กม. “คืนปืนเถื่อน” ไม่เอาโทษอาญา มท.1 ขออย่าเรียกนิรโทษกรรม

ที่ประชุมบอร์ดยาเสพติด-อาวุธปืน เคาะไอเดียคลอดกฎหมาย “คืนปืนเถื่อน” ไม่เอาโทษทางอาญา ทบทวนพฤติกรรมคนครอบครองปืน 3-5 ปี “มท.1” ขออย่าเรียกนิรโทษกรรม ด้าน “ผบ.ตร.” ลั่นกวาดบ้านตัวเอง คาดโทษ ตร.คนไหนทำผิด โดนถึงผู้บังคับบัญชา 2 ชั้นยศ

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าร่วมด้วย ว่า ที่ประชุมมีมติหลักการสำคัญว่า ในส่วนคนที่ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้กำหนดวงรอบ ทบทวนในการที่จะให้มีและใช้อาวุธปืนทุก 3 หรือ 5 ปี ว่ามีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนอยู่หรือไม่ รวมถึงผู้ที่ต้องพ้นจากหน้าที่ยังมีความจำเป็นที่ต้องครอบครองอยู่หรือไม่ หากไม่จำเป็นก็สามารถเพิกถอนใบอนุญาตได้ แต่ในกรณีก่อเหตุความผิดจะสามารถเพิกถอนได้ทันที ส่วนการออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนใหม่ ต้องประเมินทั้งสุขภาพจิตใจและพฤติกรรม

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนอาวุธปืนเถื่อน มีข้อยุติว่าจะต้องมีการออกกฏหมายให้นำปืนเถื่อนมาคืน ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการในลักษณะนี้แล้ว แต่ครั้งนี้จะให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิดทางอาญา และไม่ให้มีการขึ้นทะเบียน แต่ถ้าพบว่ายังครอบครองปืนเถื่อนต่อไป เจ้าที่ตำรวจจะมีความเข้มงวดตรวจสอบและดำเนินการทางกฏหมายอย่างเคร่งครัด ย้ำว่า จะไม่ใช้คำว่า “นิรโทษกรรม” แต่จะมีการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า สังคมไม่ต้องกังวลสถิติเรื่องอาวุธปืน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เป็นส่วนหลัก แต่ส่วนใหญ่เกิดจากอาวุธปืนเถื่อนมากที่สุด ขออย่าสร้างความเข้าใจผิดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่มีอาวุธปืนของใหม่จะต้องได้รับการพิจารณาและรับรองจากผู้บังคับบัญชา ส่วนคนที่ครอบครองอาวุธปืนอยู่แล้วต้องได้รับการทบทวน เพราะพฤติกรรมแต่ละช่วงอายุมีพฤติกรรมที่แตกต่างหรือเกิดจากสภาพแวดล้อม ต้องมีการประเมินและเพิกถอนหากทำผิด พร้อมย้ำอีกครั้งว่าอาวุธปืนให้มีแต่ไม่ให้พก ดังนั้นไม่ต้องกังวล เราจะให้ความเข้มงวดกับคนกลุ่มนี้

“ขณะที่เรื่องยาเสพติด นายกรัฐมนตรี ได้เน้นในเรื่องในเรื่องแหล่งผลิตและกระบวนการผลิต โดยกำชับให้ทุกฝ่ายเข้มงวดในการปฏิบัติ นายกฯ ได้เน้นย้ำถึงคนเก่าที่ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งคนเสพและคนติดต้องแยกกลุ่มนี้ให้ได้ โดยมหาดไทย มารับไปตรวจสอบ เพื่อนำคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบและแยกว่าจะบำบัดอย่างไร” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ส่วน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ตนได้กำชับแล้วว่าจะเข้ามากวาดบ้านของตัวเองด้วยหากใครมีข่าวหรือเบาะแสการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งเบาะแสผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 รวมถึงผ่านระบบบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนของจเรตำรวจออนไลน์ http://www.jcoms.police.go.th/notice (JCoMS)จะรายงานมาที่ตนเองโดยตรง และไม่มีการระบุตัวตนของผู้แจ้งข้อมูลแต่อย่างใด

ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า หากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะไม่ได้โดนดำเนินคดีเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้น แต่จะรวมถึงผู้บังคับบัญชา อีก 2 ระดับ ฐานควบคุมลูกน้องไม่ดี ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายไปกระทำความผิดเสียเอง จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ยอมรับตำรวจกว่า 200,000 นาย อาจมีบ้างที่ทำตัวไม่เหมาะสม แต่เราจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด