“พิธา” ขอบคุณ ปชช.หนุนเงินภาษีให้ “ก้าวไกล” 27.5 ล. สะท้อนได้ใจคน “เขตเมือง”

“พิธา” ขอบคุณ ปชช.หนุนเงินภาษีให้ “ก้าวไกล” 27.5 ล. สะท้อนได้ใจคน “เขตเมือง”

“พิธา” ขอบคุณประชาชนร่วมอุดหนุนภาษีปี 64 ให้ “ก้าวไกล” ขึ้นแท่นอันดับ 1 กว่า 27.5 ล้านบาท สะท้อนได้รับความนิยมใน “เขตเมือง” ลั่นปักหลัก-ขยายฐานเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ชี้กฎ กกต.ทำให้ใช้เงินยาก ขวางการสร้างพรรค แต่สัญญาใช้จะอย่างคุ้มค่า

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวขอบคุณประชาชนที่อุดหนุนภาษีให้พรรคก้าวไกลในปีงบประมาณ 2565 ว่า เป็นการร่วมกันสร้างพรรคก้าวไกลให้เป็นพรรคมวลชนที่อยู่ได้ด้วยเงินของประชาชน และสามารถเป็นตัวแทนทำงานรับใช้ประชาชนโดยไม่ต้องเกรงใจนายทุนผู้มีอิทธิพลคนไหน

“การระดมทุนคนละ 100 บาท จากประชาชน 1 ล้านคน มีความหมายมากกว่าระดมทุนคนละ 10 ล้านบาท จากเจ้าสัว 10 คน เพราะนี่คือรากฐานสำคัญในการทำให้พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวอีกว่า ยอดการบริจาคเงินในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เติบโตเร็วมาก ถ้าเราพิจารณาจากยอดการบริจาคเงินในปีนี้จะพบว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่แค่รักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มมากกว่าเท่าตัวจาก 12,695,738 บาท เป็น 27,564,203 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 117 และทิ้งห่างอันดับสองถึง 8 เท่า แสดงให้เห็นถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลในเขตเมือง ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องปักหลักและขยายฐานเสียงให้ได้เพื่อเป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า

“พิธา” ขอบคุณ ปชช.หนุนเงินภาษีให้ “ก้าวไกล” 27.5 ล. สะท้อนได้ใจคน “เขตเมือง”

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถึงจะได้รับการอุดหนุนภาษีมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติแล้วการนำเงินมาใช้ยังประสบความยากลำบากจากระเบียบ กกต. เช่น ป้ายรณรงค์นโยบายติดตามถนน ทำไม่ได้เพราะระเบียบ กกต. อนุญาตให้ทำเฉพาะสิ่งพิมพ์ไม่ใช่ป้ายประกาศ โพลเพื่อวัดคะแนนนิยมว่านโยบายอะไรที่ประชาชนต้องการมากที่สุด ก็ทำไม่ได้เพราะในระเบียบไม่ได้ระบุไว้ กรอบวงเงินที่อนุมัติให้เบิกจ่ายต่ำกว่าจริงมาก เช่น เดินทาง 700 กม. ให้เบิกค่าใช้จ่ายได้เพียง 1,000 บาท ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของสำนักงานใหญ่พรรค เบิกไม่ได้เลย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสาขาพรรคเบิกได้ ซึ่งพิธายืนยันว่า เงินก้อนนี้ประชาชนได้ให้กับพรรค เพื่อให้พรรคนำมาทำงาน กกต. ไม่ควรออกระเบียบ คิดแทนพรรคว่าจะนำเงินไปใช้ทำอะไรไม่ทำอะไร เพราะกกต.ไม่ใช่นักการเมือง ไม่สามารถรู้ดีกว่านักการเมืองว่าจะต้องทำกิจกรรมแบบไหนอย่างไรกับประชาชน

“แต่ท่ามกลางข้อจำกัดเหล่านี้ เราจะพยายามใช้เงินก้อนนี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากเป็นเงินที่ประชาชนตั้งใจอุดหนุนมาเพื่อร่วมสร้างพรรค เราสัญญาว่าจะทำงานอย่างมุ่งมั่น และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยถือว่าเงินอุดหนุนนี้มาในช่วงเวลาสำคัญพอดี คือการมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ เงินภาษีของท่านจะเป็นหนึ่งในพลังที่ขับเคลื่อนพรรคไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศผ่านบัตรเลือกตั้ง สร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้ากว่าเดิม” นายพิธา กล่าว