“นิกร”วอนศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัย2กม.ลูก-ใกล้เลือกตั้งต้องเตรียมพร้อม

“นิกร”วอนศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัย2กม.ลูก-ใกล้เลือกตั้งต้องเตรียมพร้อม

“นิกร”วอนศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัย2กม.ลูก-ใกล้เลือกตั้งต้องเตรียมพร้อม ระบุ กกต.-พรรคการเมือง ยังไม่สามารถดำเนินการอย่างใดได้

นายนิกร จำนง ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง( ฉบับที่..)พ.ศ.....และร่างกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่..)พ.ศ..... ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่ขณะนี้ครบกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ทางรัฐสภาและกกต.ในฐานะผู้เกี่ยวของให้ส่งข้อมูลที่จำเป็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบการวินิจฉัยความชอบของกฏหมายดังกล่าวทั้งสองฉบับแล้ว ว่าตนเองไม่มีความกังวลใจใดๆเพราะเชื่อว่าจะผ่านการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญไปด้วยดีทั้งสองฉบับ 

โดยฉบับแรก คือร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งนั้นเป็นร่างของคณะรัฐมนตรีโดยแท้โดยยกต้นร่างมาจากกกต.ผูู้ผู้มีหน้าที่และอำนาจในการปฏิบัติ ผ่านคณะรัฐมนตรี โดยการตรวจสอบทบทวนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกชั้นหนึ่งแล้วก่อนเสนอต่อสภาจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดในส่วนของเนื้อหา 

ส่วนกรณีการถูกร้องเกี่ยวกับการพิจารณาของสภาที่ดำเนินการไม่เสร็จ 180 วันตามข้อบังคับการประชุมจนต้องถือว่าสภาเห็นชอบตามร่างหลักแรกนั้นก็เห็นว่าเป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาผู้แทนราษฎรที่สามารถดำเนินการได้เชื่อว่าจะไม่ผิดข้อบังคับและไม่มีปัญหาในเชิงความชอบธรรมแต่อย่างใด
 

สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น อาจมีความซับซ้อนในเชิงผู้มีส่วนชี้แจงเล็กน้อยตรงร่างหลักที่ยึดเอาร่างของพรรคร่วมรัฐบาลมิใช่ร่างของครม.แต่ ก็ทราบว่าทางรัฐสภาได้มีการส่งรายละเอียดเกี่ยวกับเจตนารมณ์ และวิธีการดำเนินการประชุมของกรรมาธิการจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือประธานคณะกรรมการ และสำนักประชุมของสภา เรียบร้อยแล้วเช่นกัน 

ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้อดีตเลขานุการเองก็ไม่ได้มีความเป็นกังวลต่อข้อโต้แย้งจากสมาชิกรัฐสภา 77 ท่านที่เข้าชื่อกันร้องไปเนื่องจาก ข้อโต้แย้งแรกๆที่สำคัญคือการลดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ต่ำกว่าการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือสมัครส.ส.เพียงเล็กน้อยนั้นก็เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างกว้างขวางขึ้นตามเจตนารมย์รัฐธรรมนูญที่มีอยู่นั่นเอง

“คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่จึงมีมติห็นชอบกับการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว สำหรับประเด็น กรณีการทำ Primary หรือการเลือกตั้งขั้นต้น นั้นก็เป็นการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นจริงตามเจตนารมณ์ที่คาดหวัง ทั้งยังมีความยุ่งยากสิ้นเปลืองไม่สามารถปฏิบัติจริง จนทำให้คสช.ต้องออกคำสั่งที่ 13/2561 ซึ่งอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้ มาระงับยับยั้งคลี่คลายการใช้ตัวแทนจังหวัดแต่ละเขตเป็นใช้เพียงแห่งเดียวและเลือกตั้งเบื้องต้น”
 

สำหรับการสรรหาผู้สมัครทั้งสองแบบไว้ในการเลือกตั้งทั่วไปของสภาชุดที่25นี้ในปี2562ที่ผ่านมา ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขในร่างพรป.พรรคการเมืองฉบับใหม่นี้ก็เขียนล้อตามคำสั่งคสช.ที่13/2561ที่ว่านั้น นอกจากนั้นในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก็ได้การเพิ่มการดำเนินการให้สมาชิกพรรคต้องให้ความเห็นชอบกับทั้งรายชื่อผู้สมัครแบบเขตกับชื่อกับชื่อผู้สมัคร ทั้งแบบบัญชีรายชื่อตามวิธีการที่กกต.กำหนดเพิ่มจากคำสั่งคสช.ที่13 ตามความเห็นของกรรมาธิการฝ่ายวุฒิสมาชิกขึ้นไปอีก

“ดังนั้นจึงถือว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะถ้าวิธีการแบบในร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งฉบับใหม่นี้ขัดหรือแย้ง การเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมาตามคำสั่งคสช.ก็ต้องถือว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญนี้เช่นกันอันจะทำให้ผลการเลือกตั้ง 2562 เป็นโมฆะทั้งหมดซึ่งจะเป็นเช่นนั้นไปไม่ได้เลย”

นายนิกร กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งรัดในการพิจารณาวินิจฉัยกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพราะขณะนี้การเลือกตั้งทั่วไปใกล้เวลาเข้ามามากเกือบถึงที่สุดแล้ว ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งกกต.ที่รับผิดชอบจัดการการเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัครเองก็ไม่สามารถจะดำเนินการใดๆไปได้ตามที่ควรเป็น ด้วยว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่สำคัญทั้งสองฉบับยังค้างคาอยู่จึงขอวิงวอนร้องขอไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้กรุณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเร่งด่วนให้เสร็จการตามความจำเป็นนี้ต่อไป