กลเกม “สามมิตร” ลูกน้องเผ่น-ลูกพี่นิ่ง

การปล่อยให้ ส.ส.ในซุ้มสามมิตรเลือกทางเดินของตัวเอง ย่อมสะท้อนว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็พร้อมจะทิ้งพลังประชารัฐได้ทุกเมื่อ
ควันหลังจากงานวันเกิด เนวิน ชิดชอบ ยังโจษขานกันไม่จบ เนื่องจากมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 8 คน แห่ไปอวยพรนายใหญ่บุรีรัมย์
เท่าที่มีการเปิดเผยรายชื่อได้แก่ กฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี ,สุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี ,สมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี ,ปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม, ประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส. ลพบุรี ,มณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท ,อนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก และสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์
มีข้อน่าสังเกตว่า ส.ส.ค่ายลุงป้อมชุดดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.สมัยแรก และอยู่ในจังหวัดภาคกลาง ส.ส.สมัยแรกเหล่านี้มาจากนักการเมืองท้องถิ่น หลายคนมีฐานเสียงแน่นและมีลักษณะเป็นดาวฤกษ์ จึงพร้อมจะย้ายค่ายได้ตลอดเวลา
คนที่มีความชัดเจนว่า จะย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทยคือ สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ สายตรง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งได้ส่งลูกสาว สุชาดา แทนทรัพย์ ไปอยู่ค่ายสีน้ำเงินก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วน มณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท คงแยกทางกันเดินกับเสี่ยแฮงก์ อนุชา นาคาศัย แถมพ่วงน้องสาว นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ไปอยู่ภูมิใจไทยเป็นที่แน่นอนแล้ว
แม้ว่าวันที่ 3 ต.ค.2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นพื้นที่ของ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ชัยนาท
ในวันดังกล่าว ส.ส.แดง-มณเฑียร สงฆ์ประชา ก็มาต้อนรับบิ๊กป้อม ท่ามกลางข่าวลือว่า สองพี่น้องตระกูลสงฆ์ประชา จะย้ายพรรค
ทั้ง ส.ส.แดง มณเฑียร และ ส.ส.มันแกว นันทนา เป็นทายาท บุญธง สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย ที่มีฐานธุรกิจอยู่ใน ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท และได้ฉายา “เจ้าพ่อหันคา”
เดิมทีตระกูลสงฆ์ประชา กับเสี่ยแฮงก์ เคยเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้งชัยนาท กระทั่งการเลือกตั้งปี 2554 เสี่ยแฮงก์จับมือมณเฑียร จัดทีมผู้สมัคร ส.ส.ในสีเสื้อภูมิใจไทย คือ พรทิวา นาคาศัย และนันทนา สงฆ์ประชา
เมื่อเลือกตั้งปี 2562 มณเฑียร สงฆ์ประชา ลงสมัคร ส.ส.คู่กับเสี่ยแฮงก์ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ส่วนนันทนา แยกไปตั้งพรรคประชาภิวัฒน์
จะว่าไปแล้ว สองพี่น้องตระกูลสงฆ์ประชา เป็นบ้านใหญ่ที่มีฐานเสียงตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาเสี่ยแฮงก์ และการมาสังกัดพรรคเดียวกัน ก็เป็นข้อตกลงทางการเมืองเฉพาะกิจ
ดังเช่น สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ เขต 4 ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเทพสถิต และนายก อบต.ห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.ตามคำชักชวนของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน
สัมฤทธิ์ยังได้รับการสนับสนุนจาก วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย อดีต ส.ส.ชัยภูมิ หลายสมัยที่มีฐานเสียงอยู่ใน อ.บำเหน็จณรงค์ และ อ.เทพสถิต
ปลายปี 2564 สุชาดา แทนทรัพย์ ลูกสาวของสัมฤทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พรรคภูมิใจไทย
ตอนนั้น คนในพรรคพลังประชารัฐก็รู้ดีว่า สัมฤทธิ์คงย้ายไปซบภูมิใจไทยแน่นอน แม้เจ้าตัวจะบอกว่า เป็นเรื่องของลูกสาวที่อยากเติบโตทางการเมือง
2-3 เดือนที่ผ่าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ชัยภูมิ คล้ายจะดึงสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ เขต 4 และเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ เขต 2 ให้เปลี่ยนใจปักหลักอยู่พรรคเดิม
จริงๆแล้ว สัมฤทธิ์ น่าจะตัดสินใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่รอเวลาจะไปเปิดตัวกับค่ายใหม่ ส่วนเชิงชาย ชาลีรินทร์ ก็มีข่าวจะขอย้ายไปเพื่อไทย แต่ยังเจอตระกูลชาลีเครือ ขวางทางอยู่
ส.ส.สายสามมิตรอีกรายที่โผล่งานวันเกิดเนวิน อนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 เป็น ส.ส.สมัยแรก โดยสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นผู้ชักนำให้ลงสมัคร ส.ส.ในสีเสื้อ พปชร.
อนุชา ชาวมุสลิมปาทาน เคยเป็น ส.อบจ.พิษณุโลก เขต อ.เนินมะปราง และเจ้าของอมาณัติฟาร์ม ผู้ค้าวัว-ควาย รายใหญ่ในภาคเหนือตอนล่าง
บังเอิญ ชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นแม่ทัพใหญ่ภูมิใจไทย ที่รับผิดชอบอุทัยธานี, นครสวรรค์, กำแพงเพชร และพิษณุโลก จึงไม่แปลกที่อนุชา น้อยวงศ์ จะเดินทางมาเยือนบุรีรัมย์
การปล่อยให้ ส.ส.ในซุ้มสามมิตรเลือกทางเดินของตัวเอง ย่อมสะท้อนว่าสมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ก็พร้อมจะทิ้งพลังประชารัฐได้ทุกเมื่อ







