“ดำรงค์”ส่งไม้ต่อ“มิ่งขวัญ” ปั้น“พรรคโอกาสไทย”เข้าสภา

“ดำรงค์”ส่งไม้ต่อ“มิ่งขวัญ” ปั้น“พรรคโอกาสไทย”เข้าสภา

เมื่อ “ดำรงค์” ทิ้งทวนพรรครักษ์ผืนป่าฯ ส่งไม้ต่อให้ “มิ่งขวัญ” ซึ่งสามารถรีแบรนด์พรรคการเมืองโนเนมให้แจ้งเกิด เป็นที่รู้จัก ได้แล้วกับพรรคโอกาสไทย และพอจะมีฐานแฟนคลับของ “ดำรงค์-รักษ์ผืนป่าฯ” บวกกับชื่อชั้น ต้นทุนการเมือง โอกาสมีส.ส.เข้าสภา ย่อมเป็นไปได้

นับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง บรรดาพรรคการเมืองต่างเร่งปิดดีล แย่งชิงผู้สมัคร วางตัว วางนโยบายเตรียมพร้อมลงสนามให้พร้อมรับสถานการณ์ จึงไม่แปลกที่ชื่อของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ที่เคยอยู่ในบัญชีของหลายพรรค ด้วยยี่ห้อการตลาดขั้นเซียน เคยพาพรรคเศรษฐกิจใหม่ จากโนเนมจนไม่มีใครรู้จัก ได้ ส.ส. เข้าสภา 6 ที่นั่ง ยังไม่ตกกระแสการเมือง

 ทว่า เงื่อนไขของ “มิ่งขวัญ” ที่ยื่นคำขาดให้ทุกพรรคที่เปิดดีล คือต้องเป็น “หัวหน้าพรรค” และ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” เท่านั้น ทำให้หลายดีลที่ยื่นเข้ามา ล่มไม่เป็นท่า จนเจ้าตัวออกมาแถลงเตรียมตั้งพรรคใหม่เป็นของตัวเอง และจะใช้ชื่อว่า “พรรคโอกาสไทย”

กระทั่ง ล่าสุดความฝันของมิ่งขวัญก็เป็นความจริง เมื่อ “ดำรงค์ พิเดช” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ยื่นดีลส่ง “พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย” ให้ “มิ่งขวัญ”  นำไปใช้ขับเคลื่อนทางการเมืองต่อ ซึ่งดีลนี้ไม่ยาก เพราะตัวของ “ดำรงค์” เริ่มถอดใจ อยากหลบฉากไปอยู่เบื้องหลังการเมืองแทน

ทำให้เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 โดยที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “พรรคโอกาสไทย” และเลือก “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน “สุชิน เพียรทอง”

“ดำรงค์” ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงที่มาที่ไป จุดเชื่อมต่อระหว่าง 2 พรรคนี้ว่า  “ผมยกการบริหารพรรครักษ์ผืนป่าฯให้กับมิ่งขวัญ ไปแล้ว หลังจากนี้เขาจะวางกลยุทธ์ในการสู้ศึกเลือกตั้งอย่างไรก็แล้วแต่เขา กรรมการบริหารพรรค 9 คน ก็เป็นคนที่มิ่งขวัญเลือกมาเอง ซึ่งดูแล้วเป็นคนที่เขาไว้วางใจ”

  สำหรับการเปลี่ยนชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า จะทำให้การทำงานของพรรคจะมีมิติที่หลากหลายขึ้น ซึ่งตนยังคงร่วมงานกับพรรคโอกาสไทยต่อไป ส่วนรายละเอียดการทำงานต้องถามที่ “มิ่งขวัญ” ที่จะเป็นผู้นำในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป

สำหรับอนาคตทางการเมืองของ “ดำรงค์” นั้นเจ้าตัวบอกว่า “เมื่อผมถอยออกจากพรรค ผมอาจจะเลิกเล่นการเมืองไปเลย ผมเบื่อแล้ว ทำพรรคการเมืองได้แค่ 2 เสียง มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สู้ถอยออกมาแล้วให้คนมีฝีมือมาทำงานแทน หากเขาได้ ส.ส. เยอะ แล้วต่อรองได้เก้าอี้รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วเอาผมไปช่วยงาน อย่างนี้น่าจะดีกว่า”

อีกเหตุผลที่ทำให้ “ดำรงค์” ซึ่งเคยนั่งหัวหน้าพรรคนี้ และที่สุดต้องทิ้งพรรครักษ์ผืนป่าฯ ซึ่งเขายอมรับตรงไปตรงมาว่า เนื่องจากไม่มี “ทุนการเมือง” มากพอ 

“ผมบอกไว้เลยว่า ใครคิดจะทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป มันต้องใช้ทุนเยอะมาก แล้วผมจะเอาทุนมาจากไหน เราดูแล้วโอกาสของพรรคเล็กมันไม่เหลือแล้ว เราจะฝืนไปทำไม เพราะลงทุนไปก็ไม่ได้อะไรตอบแทน”

อย่างไรก็ตาม “ดำรงค์” ระบุว่า ขอดูสถานการณ์ทางการเมืองปม “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับตีความกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. - พรรคการเมือง  ซึ่งจะมีการวินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ กรณีหาร 100 และ หาร 500 รวมอยู่ด้วย

“หากศาลรัฐธรรมนูญตีความเป็นผลบวกกับพรรคเล็ก ผมอาจจะกลับมาสู้ แต่ตอนนี้ให้น้ำหนักไปทางเลิกเล่นการเมืองมากกว่า ซึ่งผมก็ได้บอกไปแล้วว่าผมไม่เอาลำดับบัญชีรายชื่อ ส.ส. อะไรทั้งนั้น”

สำหรับทิศทางของพรรคโอกาสไทย “มิ่งขวัญ” รอจังหวะออกมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการตามสไตล์นักการตลาด ที่รู้กระแส

เมื่อ “ดำรงค์” ทิ้งทวนพรรครักษ์ผืนป่าฯ ส่งไม้ต่อให้ “มิ่งขวัญ” ซึ่งสามารถรีแบรนด์พรรคการเมืองโนเนมให้แจ้งเกิด เป็นที่รู้จัก ได้แล้วกับพรรคโอกาสไทย และพอจะมีฐานแฟนคลับของ “ดำรงค์-รักษ์ผืนป่าฯ” บวกกับชื่อชั้น ต้นทุนการเมืองของ “มิ่งขวัญ” โอกาสที่จะแบ่ง ส.ส.จากพรรคอื่นเข้าสภา ย่อมเป็นไปได้