แกะรอย“พีระพันธุ์”กระบี่ กม. จุดบรรจบ “ประยุทธ์+รทสช." ?

แกะรอย“พีระพันธุ์”กระบี่ กม. จุดบรรจบ “ประยุทธ์+รทสช." ?

น่าสนใจว่า อนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อีก 2 ปี หรือจนถึง ปี 68 จะมีโอกาสโคจรมาบรรจบรวมกันที่ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" กับ “พีระพันธุ์” ที่มีอีกสถานะคือหัวหน้าพรรคหรือไม่

เมื่อย้อนดูผลงานของทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการต่อสู้กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สิ้นสุดลงในวันที่ 24 ส.ค.65 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้วินิจฉัยออกมาเป็นที่เรียยร้อยแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี เนื่องจากเริ่มนับวาระตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 เม.ย.60

โดยคำชี้แจงของทีมกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยื่นต่อศาลฯ และมีเอกสารหลุด จนถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ก่อนศาลฯ จะนัดวินิจฉัย ก็ระบุชัดว่า ต้องเริ่มนับวาระตั้งแต่ปี 60 พร้อมอธิบายเหตุผลด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 ในบทเฉพาะกาล ที่ให้คณะรัฐมนตรี ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 60 ประกาศใช้ ยังคงสามารถบริหารงานต่อไปได้แต่ก็ถือว่าความเป็นนายกฯ นั้นขาดตอนจากรัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ปี 57

จะว่าไปแล้ว ทีมกฎหมายก็ถือว่าเก็งข้อสอบหรือแนวทางวินิจฉัยได้ค่อนข้างตรงกับผลที่ออกมาแต่กว่าที่จะได้เอกสารคำชี้แจงที่สมบูรณ์ มีข้อมูลเบื้องหลังระบุว่า มือกฎหมายคนสำคัญของรัฐบาลคนหนึ่ง เป็นผู้จัดทำ จนได้คำชี้แจง “เวอร์ชั่นแรก” ออกมา

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้มอบหมาย "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตรวจทานประเด็นหักล้าง ตามคำร้องของฝ่ายค้าน รวมถึงเหตุผลในข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว ปรากฎว่าเนื้อหาคำชี้แจงในร่างแรกยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากเนื้อหาสาระในร่างแรก ดูจะยังไม่ได้ตอบหรือชี้แจงแต่ละปมตามคำร้องของฝ่ายค้าน

ทำให้ “พีระพันธุ์” ได้หารือกับผู้เขียนคำชี้แจงร่างแรก ก่อนจะขอดำเนินการเองด้วยการเขียนคำชี้แจงใหม่ทั้งหมด จนได้ฉบับสมบูรณ์จำนวน 23 หน้ากระดาษ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเซ็นรับรองในเอกสารคำชี้แจงดังกล่าว ที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา

น่าสนใจว่า อนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อีก 2 ปีหรือจนถึง ปี 68 จะมีโอกาสโคจรมาบรรจบรวมกันที่ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" กับ “พีระพันธุ์” ที่มีอีกสถานะคือหัวหน้าพรรคหรือไม่

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของส.ส.พลังประชารัฐ ที่แสดงออกถึงความต้องการชัดเจนว่า อยู่ข้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทั้งยังต้องการให้เป็นแคนดิดตนายกฯ ในบัญชีพรรค สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย

เวลานี้ก็น่าจะชัดที่สุดแล้วว่า “คนในพลังประชารัฐ” จำนวนไม่น้อย เลือกใคร และไม่เอาใคร