"ฝ่ายค้าน" ออกแถลงการณ์ จี้ "ประยุทธ์" ลาออก ชี้เจตนาสืบทอดอำนาจ

"ฝ่ายค้าน" ออกแถลงการณ์ จี้ "ประยุทธ์" ลาออก ชี้เจตนาสืบทอดอำนาจ

"พรรคร่วมฝ่ายค้าน" ออกแถลงการณ์ตั้งข้อสังเกตคำวินิจฉัยศาลรธน. ทำลายคุณค่ากติกาสูงสุดของประเทศ-ขัดเจตนารมณ์รธน.60 จี้ ประยุทธ์ ลาออก เตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปสมัยประชุมหน้า

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6:3 ให้ความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สิ้นสุดลงตามคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน  คือ 25 สิงหาคม 2565 เพราะนับวาระตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560

 

 

           ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของการประชุมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้หารือร่วมกับตัวแทนของพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และได้หารือเพื่อออกแถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตีความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญที่ได้บัญญัติเป็นลายลักษณอักษรที่มีถ้อยคำชัดเจน พร้อมกับเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ

 

 

           สำหรับแถลงการณ์ฉบับเต็มของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เรื่อง ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีครบ8ปี ในตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์   ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยอมรับ แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนในข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

 

           แถลงการณ์พรรคร่วมระบุด้วยว่า การเริ่มนับวาระนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 คือวันที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มีผลใช้บังคับ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ มีสิทธิดำรงตำแหน่งได้ต่อไป อีก 2 ปี ถือว่าเป็นการตีความที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญัที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อกษรชัดจนและประชาชนทั่วไปเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งกรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ป พล.อ.ระยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้รวม 10ปี เกินกว่า 2 วาระปกติของดำรงนตำแหน่งนายก และผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งจำกัดวาระนายกฯ ไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ 

 

 

 

           “การตีความที่ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งในปี 2557 นั้่นมาจากการเลือกของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งไม่นำมานับรวมนั้น บทบาทของสนช. คือทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร และได้ให้ความเห็นชอบพล.อ.ประยุทธ์ให้ดำรงตำแห่งนายกฯ  จึงถือว่านายกฯ​ ตามรธน.นี้ สอดคล้องกับมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญ 2560” แถลงของฝ่ายค้านระบุ

 

           แถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุด้วยว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำลายหลักการรากฐานของระบอบประชาธิปไตย เปิดให้เกิดการผูกขาดอำนาจ รวมถึงทำลายบรรทัดฐานทางกฎหมาย คุณค่าของกฎหมายสูงสุด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งไม่ยอมรับผลคำวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าควรปฏิรูปการทำหน้าที่ของศาลใหม่ ให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดกรณีที่ผลคำวินิจฉัยซึ่งมีผลผูกพันทุกองค์กรนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่คำนึงถึงบรรทัดฐานทางกฎหมายที่ถูกต้อง

 

           “คำวินิจฉัยไม่ใช่ฟอกขาวให้พล.อ.ประยุทธ์  ฐานะผู้สืบทอดำนาจทุกวิถีทาง เป็นคนที่ผิดสัญญากับประชาชน ที่จะอยู่ไม่นาน ผิดสัญญากับประชาชนที่จะปฏิรูปประเทศต่างๆ ทำให้ประเทศตกขบวนผู้นำอาเซียน  พล.อ.ประยุทธ์ควรใช้โอกาสประกาลาออกจากตำแหน่งนายกฯ โดยไม่อ้างคำวินิจฉัยของศาลและ  ขอให้ประชานให้บทเรียนกับ พล.ประยุทธ์และองคาพยพในการเลือกตั้งครั้งต่อไป” แถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านระบุ

 

           จากนั้น นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด โดยในช่วงเปิดสมัยประชุม เดือนพฤศจิกายน พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อยื่นญัตติขอให้เปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ เพื่อซักถามประเด็นปัญหาต่างๆ กับรัฐบาล