“สุญญากาศ” ประเทศไทย

“สุญญากาศ” ประเทศไทย

หลังศาล รธน. เตรียมวินิจฉัยปม 8 ปี นายกฯ ทำให้ประเทศไทยยังคงอยู่ในสุญญากาศทางการเมือง ท่ามกลางหลายวิกฤติที่จะต้องเร่งแก้ไข ทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม โดยเป็นหน้าที่ของรักษาการนายกฯ ที่ต้องรับมือกับปัญหาเหล่านี้

วานนี้ (14 ก.ย.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระพิจารณาคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่

ผลปรากฏว่า ศาลรัฐธรรมนูญอภิปราย เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึง “ยุติการไต่สวน” ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 58 วรรคหนึ่ง

โดยกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันที่ 30 ก.ย. 2565 นี้โดยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ถูกร้อง

รวมทั้งเอกสารความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ อดีตเลขานุการ กรธ. รวมถึงสำเนาบันทึกการประชุม และรายงานการประชุม กรธ.ครั้งที่ 501 เรียบร้อย ซึ่งหากนับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง จนถึงวันที่ศาลนัดวินิจฉัยรวมระยะเวลาในการพิจารณาคดีทั้งสิ้น 38 วัน

หากสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยนับจากนี้ เมื่อประเทศอยู่ในภาวะ “สุญญากาศ” ท่ามกลางความผันผวนของของโลก เศรษฐกิจที่ถดถอยในหลายประเทศ วิกฤติพลังงานที่ยังเป็นเรื่องใหญ่กระทบไปทุกภาคส่วนปฏิเสธไม่ได้ว่า “ปัจจัยด้านการเมือง” เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมหากการเมืองขาดเสถียรภาพ หรืออยู่ในภาวะสุญญากาศนานมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ประเทศไทยอยู่ในจุดเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น นโยบายต่างๆ ที่ควรต้องเดินหน้าเพื่อเสริมสร้างศักยภาพประเทศก็อาจเดินไปได้แบบติดๆ ขัดๆ แม้ประเทศจะมีรักษาการนายกฯ หรือยังมีคณะรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มก็ตาม

บนสถานการณ์ที่ประเทศไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติซ้อนวิกฤติ “หัวหน้ารัฐบาล” คือผู้มีบทบาทสำคัญสูงสุด ที่จะนำพาประเทศก้าวพ้นวิกฤติต่างๆ “นายกฯ รักษาการ” ในขณะนี้ ต้องบริหาร และบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้ได้ ไม่เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องหมายถึงภาคธุรกิจ เอกชนต่างๆ

ปัญหาของประเทศไทยวันนี้มีมากมายหลายปัญหา หลายโครงการขนาดใหญ่ หลายนโยบาย ที่มีผลเกี่ยวพันกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม เสริมแกร่งเศรษฐกิจประเทศ หลายเรื่องต้องการ การแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

ปัญหาประเทศที่รอการแก้ไข มีมากเกินกว่าที่จะต้อง “หยุด” เพื่อรอบางอย่างสิ่งที่สังคมคาดหวัง คือ การก้าวข้ามวิกฤติต่างๆ และนำไปสู่การฟื้นฟูประเทศที่กำลังจะก้าวผ่านจุดต่ำสุด จากวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ตามติดด้วยพายุเศรษฐกิจที่โหมซัดทุกอย่างจนพังทลายในห้วงที่ประเทศเกิดสุญญากาศแบบนี้ผู้นำรักษาการฯ และครม.ที่ยังมีอำนาจเต็ม

เราอยากเห็นการบริหารบ้านเมือง และการแก้วิกฤติ รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจประเทศ “เดินหน้า” ได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ เราไม่อยากเห็นการ “แอบ” อนุมัติโครงการที่ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศและเราไม่อยากเห็นการ “ฉกฉวย” ผลประโยชน์ เพื่อนำมาสู่พวกพ้องของตัวเองในช่วงสุญญากาศประเทศแบบนี้