“เสรีพิศุทธ์” ให้ถ้อยคำ กกต.ปม 6 พรรคเล็ก “รับกล้วย” แลกโหวตศึกซักฟอก

“เสรีพิศุทธ์” ให้ถ้อยคำ กกต.ปม 6 พรรคเล็ก “รับกล้วย” แลกโหวตศึกซักฟอก

“เสรีพิศุทธ์” เข้าให้ถ้อยคำ กกต.ปมยื่นคำร้อง 6 พรรคเล็ก “รับกล้วย” พรรคใหญ่ แลกโหวตหนุนศึกซักฟอก เชื่อส่งศาล รธน.ยุบหมด พ่วงตัดสิทธิ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส-กก.บริหารพรรคจิ๋ว” ด้าน “สมชัย” บี้เร่งสรุปส่งศาลก่อนมีเลือกตั้งใหญ่

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อ คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต. กรณียื่นคำร้องกล่าวหาว่า 6 พรรคเล็กรับเงินจากพรรคใหญ่ เพื่อแลกกับการโหวตสนับสนุนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปลายเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวภายหลังเข้าให้ถ้อยคำว่า เป็นการให้รายละเอียดเพิ่มเติมจากคำร้องที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้โดยสรุปคือพรรคเล็กยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเข้าครอบงำ ถือว่าเป็นความผิดทั้งสองฝ่าย โดยพรรคเล็กก่อนหน้านี้ไปอยู่กับฝ่ายค้านก็ไม่ได้เงิน จึงแห่ไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐซึ่งมีการจ่ายเป็นรายเดือน หลักฐานมีครบทั้งการโอนเงิน มีเลขบัญชี มีการเซ็นรับ มีคลิปเสียงผู้ที่รับเงินก็ให้การยอมรับ โชคดีที่เจ้าหน้าที่สอบสวนเป็นตำรวจเก่า ทำให้การให้ถ้อยคำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

“ส.ส.พรรคเล็กพวกนี้วันๆ ไม่ทำงาน 6-7 คนที่มีชื่อรับเงิน ไม่เคยเห็นอภิปรายในสภาเลย มีแค่หมอรวี (นพ.ระวี มาศฉมาดล ) ที่เคยอภิปรายแต่มีชื่อว่ารับเงินเขาเหมือนกัน จะมาปฏิเสธว่าที่เซ็นนั้นเป็นเอกสารประชุมก็ไม่ใช่ หรือจะมาบอกว่าเขาจ่ายเงินเพื่อให้ลงไปดูแลพื้นที่ ไม่ได้เป็นส.ส.เขตจะมีพื้นที่ให้ดูแลได้อย่างไร และการรับเงินไม่ต้องเป็นแสนแค่เกิน 3,000 บาท ก็ผิดแล้ว เรื่องนี้พรรคเสรีรวมไทยได้ยื่นเรื่องกับป.ป.ชไปแล้ว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวอีกว่า การจ่ายเงินพรรคเล็กเกิดขึ้นที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี จะไม่รู้เห็น แต่ทั้งนี้มั่นใจในคณะกรรมการสอบสวน และ กกต. เพราะเป็นผู้ที่เข้าใจ กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายเลือกตั้งมากกว่าตน เชื่อว่ากกต.จะส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบ 6 พรรคเล็ก และ 1 พรรคใหญ่ รวมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค ซึ่งในจำนวนนั้นมี พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคในขณะนั้น

ส่วน นายสมชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นการเรียกบุคคลที่เป็นผู้ร้องสอบกรณีพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก ซึ่งเป็นการเรียกในฝั่งของผู้ร้อง ทั้ง 2 รายคือ นายศรีสุวรรณ จรรยา และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทั้งนี้เท่าที่ดูบรรยากาศการพูดคุย ทางพนักงานสอบสวนค่อนข้างที่จะมีรายละเอียดต่างๆพอสมควร ทั้งสำนวนการร้อง และหลักฐานต่างๆ ถือว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการต่อ คงจะต้องเรียกให้ผู้ถูกร้องมาให้ปากคำด้วยในโอกาสถัดไป เพราะในส่วนของผู้ร้องจบแล้ว เหลือในส่วนของผู้ถูกร้องที่จะต้องเชิญมาอีกทีหนึ่ง แต่หากเชิญมาแล้วไม่มาก็ถือว่าท่านไม่ใช้สิทธิในการที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนการตรวจสอบหมายเลขบัญชีธนาคารนั้น กกต.ได้ส่งจดหมายไปยังธนาคารต่างๆที่เกี่ยวข้อง ว่าหมายเลขบัญชีดังกล่าวมีเงินเข้าจำนวนเท่าไหร่ กี่ครั้ง ต่อเนื่องกันอย่างไร จากบัญชีของใครบ้าง ซึ่งจดหมายจาก กกต.ดังกล่าวมีการส่งไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้เรื่องที่ยังล่าช้าอยู่เพราะเรื่องไปอยู่ที่ฝ่ายนายทะเบียนพรรคการเมือง คือเลขาธิการ กกต. ประมาณเกือบเดือน หลังจากนั้นจึงส่งมาที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งฝ่ายสืบสวนสอบสวนถือว่าทำได้รวดเร็วแล้ว

“อยากบอก กกต.ว่าควรสรุปเรื่องดังกล่าว หากผิดก็ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อย่ารอให้เลือกตั้งเสร็จและมีผลการเลือกตั้งออกมาแล้วจึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นแล้ว กกต.อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่าช่วยพรรคบางพรรคให้สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ นี่คือบทเรียนที่ กกต.ในอดีตเคยมีปัญหาแล้ว เป็นคดีความทางอาญาทำให้ กกต.โดนลงโทษ ดังนั้นเรื่องราวทั้งหมดขณะนี้เราคิดว่ายังมีเวลาเพียงพอจึงเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องรีบสรุปเรื่องโดยเร็วและส่งศาลรัฐธรรมนูญหากพบว่าเป็นความผิด” นายสมชัย กล่าว

เมื่อถามว่า การเชิญผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลจะทำให้การสอบสวนยืดระยะเวลามากขึ้นหรือไม่ เพราะมีพรรคเล็กหลายพรรคที่ถูกร้อง นายสมชัย กล่าวว่า ไม่มาก หากดำเนินการอย่างรีบเร่งทุกอย่างก็ทัน ซึ่งพรรคที่เกี่ยวข้องในคำร้องของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีทั้งหมด 7 พรรค โดยเป็นพรรคเล็ก 6 พรรค บางพรรคอาจยุบไปแล้ว บางพรรคหัวหน้าพรรคเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตามหากเป็นการทำความผิดก็ยังเป็นคดีติดตัวในส่วนของตัวบุคคลไม่ว่าท่านจะย้ายไปอยู่พรรคไหน ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่จะมีผลในการเพิกถอนสิทธิในการลงทางการเมือง ส่วนกรณีพรรคใหญ่ถือเป็นพรรคที่มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใสและถูกต้อง การสรุปของกกต.ที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญควรดำเนินการก่อนมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป