ศึกเมืองมีน “ชาญวิทย์-วิชาญ” สดบดเก๋า เดิมพันเก้าอี้ “ส.ส.”

ศึกเมืองมีน “ชาญวิทย์-วิชาญ” สดบดเก๋า เดิมพันเก้าอี้ “ส.ส.”

สังเวียน ส.ก. ที่ผ่านมา "วิชาญ" ถอนแค้นสำเร็จไปเปราะหนึ่ง ตรงนี้จึงสร้างโมเมนตั้มและเป็นบันไดขั้นสำคัญในการทวงแชมป์สนามใหญ่ในเขตมีนบุรี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังประมาท "ชาญวิทย์" ไม่ได้

การเลือกตั้งใหญ่ในสนาม กทม.ของ “พรรคพลังประชารัฐ” รอบหน้า สุ่มเสี่ยงสูงที่พรรคจะเผชิญภาวะสูญพันธ์ุแบบที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องประสบมาในครั้งที่แล้ว

การจะอาศัยปาฏิหาริย์รอบ 2 เหมือนตอนเลือกตั้งปี 62 ที่ได้กระแสของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หนุนนำพาให้ “พลังประชารัฐ” ได้ ส.ส. 12 จากทั้งหมด 30 ที่นั่งในเมืองหลวง คงจะยากเสียแล้ว ในวันที่ปัจจัยหลายอย่างแปรเปลี่ยนไป

โดยศึกใหญ่ใน กทม. ที่รอวันปะทุ ต้องมีสมรภูมิ “เขตมีนบุรี” เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมอย่าง “ชาญวิทย์ วิภูศิริ” จาก “พลังประชารัฐ” ที่เมื่อปี 62 สามารถคว่ำจอมเก๋าอย่าง “วิชาญ มีนชัยนันท์” จนหยุดสถิติเป็น ส.ส. 5 สมัยติดต่อกันในเขตนี้ลงได้

ถึงแม้จอมสดอย่าง “ชาญวิทย์” จะชนะไม่ขาด ได้ไป 31,551 คะแนน ส่วน “วิชาญ” ได้ไป 30,123 คะแนน ห่างกันเพียง 1,428 คะแนนเท่านั้น จึงนับว่าศึกต่อไปสถานการณ์สามารถพลิกผันออกหน้าไหนก็ได้ตลอดเวลา และรอบหน้าก็ชัดเจนแล้วว่า “วิชาญ” จะลงเขตนี้ด้วยตัวเอง

ในการขับเคี่ยวศึกเลือกตั้ง ส.ก. ล่าสุด “วิชาญ” ที่ขณะนี้เป็นรองหัวหน้าพรรค และประธานภาคกทม. เพื่อไทย และยังเป็นประธานมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร และมูลนิธิคนรักเมืองมีน ถอนแค้นสำเร็จไปเปราะหนึ่ง เมื่อส่งน้องชายคือ “วิรัตน์ มีนชัยนันท์” เข้าป้ายเป็น “ส.ก.มีนบุรี” ได้ ตรงนี้จึงสร้างโมเมนตั้มและเป็นบันไดขั้นสำคัญในการทวงแชมป์สนามใหญ่ในเขตนี้คืน

ส่วน “ชาญวิทย์” ที่พ่ายศึกส.ก. ไม่ใช่เพราะไร้ฝีมือ ถือเป็นคนที่มีฐานเสียงและเครือข่ายในพื้นที่อยู่พอสมควร แต่แผนการดันเกิดสะดุดจนสะเทือนเป้าหมาย เมื่อการเลือกให้กลยุทธ์หลบเขตโดยไม่ส่งผู้สมัครส.ก.ในนามพลังประชารัฐ แต่ไปส่งในนาม “รักษ์กรุงเทพ” แทนนั้น ตอนแรกตัวผู้สมัครก็เข้าใจเงื่อนไขทุกอย่างเป็นอย่างดีว่า ต้องสนับสนุน เดอะจั้ม สกลธี ภัททิยกุล ที่ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. ตาม “ชาญวิทย์”

แต่ถึงจังหวะทีเด็ดทีขาด ผู้สมัครส.ก.คนดังกล่าว กลับไปออกตัวสนับสนุน บิ๊กวิน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ลงชิงผู้ว่าฯกทม. ในคราวเดียวกัน ทำให้การสนับสนุนของ “ชาญวิทย์” ต่อผู้สมัคร ส.ก.คนดังกล่าวยุติลงทันที คะแนนเสียงจากเดิมที่เทให้ ก็กระจัดกระจายส่งผลให้พ่ายแพ้หมดรูป จน ส.ก.เพื่อไทย กำชัยไปในที่สุด

เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับ “ชาญวิทย์” ที่ต้องปรับกระบวนทัพกันยกใหญ่ หากคิดจะไปต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มาพร้อมเดิมพันสำคัญคือการรักษาเก้าอี้ส.ส.สมัย 2 ของตัวเองไว้ ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ที่ต้องชนคือคู่แข่งอย่าง “วิชาญ” เตรียมตัวมาเต็มที่ไม่ยอมแพ้เป็นครั้งที่ 2 เด็ดขาด

ดังนั้น การตัดสินใจของ “ชาญวิทย์” ถึงเส้นทางต่อไปในอนาคตจึงถูกจับตาอย่างมาก ว่าจะเลือกอยู่กับ “พลังประชารัฐ” ต่อ หรือย้ายไปร่วมกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่โฟกัสพื้นที่กทม. เป็นหลักด้วยเช่นเดียวกัน 

ที่สำคัญ “ชาญวิทย์” จะได้แบ็กอัพดีขนาดไหน และจะผนึกขุมกำลังและเครือข่ายในพื้นที่ได้เพียงใด อีกไม่นานคงได้เห็นความชัดเจน