"ทักษิณ-สมคิด" การเมืองบนเส้นขนาน

"ทักษิณ-สมคิด" การเมืองบนเส้นขนาน

"การที่ทักษิณส่งลูกสาวคนเล็กลุยสมรภูมิเลือกตั้ง ชูธงกอบกู้เศรษฐกิจไทย ก็ต้องเจอสมคิด มือเศรษฐกิจและคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางค่ายชินวัตรเป็นอย่างดี จึงต้องออกโรงดิสเครดิตประธานพรรคสร้างอนาคตไทย..."

16 ปีที่แล้ว ก่อนจะถึงวันที่ 19 ก.ย.2549 บ้านเมืองคุกรุ่นด้วยไฟขัดแย้ง ม็อบพันธมิตรฯ ประกาศโค่นระบอบทักษิณ

วันที่ 4 เม.ย.2549 ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตอนนั้น ประกาศจะไม่เข้ารับการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อมา ทักษิณ ลาราชการและแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน

วันที่ 8 พ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 โมฆะต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง 15 ต.ค.ปีเดียวกัน

หลังเลือกตั้งโมฆะ ทักษิณออกอาการยึกยักว่าจะเว้นวรรค ดีหรือไม่ แต่กระแสสังคมก็มองข้ามช็อตไปถึงบุคคลที่จะเป็นนายกฯ แทนทักษิณ

“ไทยรักไทยเหรอ ไม่ต้องถึงกับรีแบรนด์หรอก แค่เปลี่ยนสินค้าใหม่ ที่อยู่ในชั้นของเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จากทักษิณ ชินวัตร มาเป็นคนอื่น อย่างสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ได้แล้ว” เสียงสะท้อนจากนักการตลาดคนหนึ่งเมื่อปี 2549

ต้นเดือน ก.ค. มีข่าว 7 รัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณ นัดปรึกษาหารือกันเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ที่ร้านอาหารอิตาเลียนไพซาโน ที่ซอยต้นสน พอข่าวรู้ถึงหูทักษิณ ผู้ร่วมวงลับจึงออกมาแจกแจงว่า เป็นการจัดเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดให้สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

สื่อหลายสำนักเริ่มวิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างทักษิณกับสมคิด ประมาณว่า ฝ่ายบ้านจันทร์ส่องหล้า ระแวง “ท่านรอง” จะวัดรอยเท้า

ย้อนไปปี 2537 สมัยรัฐบาลชวน ทักษิณรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โควตาพรรคพลังธรรม ได้ชวนสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ต่อเนื่องเมื่อทักษิณเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลบรรหาร

ปี 2541 สมคิดได้มาร่วมงานกับทักษิณ ชินวัตร เป็น 1 ใน 23 ผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย อาศัยความรู้ด้านกลยุทธ์และการตลาด สมคิดร่วมปลุกปั้นนโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่ จับต้องได้ ทำให้พรรคการเมืองน้องใหม่ชนะการเลือกตั้งปี 2544 กวาด ส.ส. เข้าสภาได้ 248 คน 

สมคิดกลายเป็นขุนพลเศรษฐกิจคนสำคัญของรัฐบาลทักษิณ แม้มีการปรับ ครม.นับสิบครั้ง แต่สมคิดยังมั่นคงบนเก้าอี้ รมว.คลัง สลับกับรองนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องไปจนถึงรัฐบาลทักษิณหลังเลือกตั้งปี 2548 ที่พ่วงเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ เป็นบางช่วง

สมัยพรรคไทยรักไทยรุ่งเรือง ทักษิณมีขุนพลรอบกายมากมาย มีทั้งที่เปิดเผยตนเองและมีเป็นจำนวนมากที่ยินดีจะทำงานแบบเงียบๆ อยู่เบื้องหลัง สมคิดก็จัดอยู่ในประเภทหลัง

ชื่อเสียงทักษิณโดดเด่นเป็นขวัญใจคนรากหญ้า ขุนพลเศรษฐกิจอย่างสมคิด ก็พลอยมีชื่อชั้นในเวทีไทยและเวทีโลก จนเกิดภาพทับซ้อนกันระหว่างนายห้างใหญ่กับ “ท่านรองสมคิด”

กระทั่งรัฐประหาร 19 กันยา สมคิดได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า “หลังการปฏิวัติ ผมไม่เคยติดต่อกับท่าน ท่านก็ไม่เคยติดต่อกับผม..” 

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ทักษิณ หรือโทนี่ วู้ดซัม ได้พูดถึงสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่กำลังปั้นพรรคสร้างอนาคตไทย ผ่านรายการแคร์คลับเฮ้าส์

“พอพูดถึงสมคิดนะ สมคิดเป็นคนที่ติดตามผมมาโดยตลอด ตั้งแต่ทำธุรกิจ พอผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็วิ่งเต้นขอเป็นที่ปรึกษาให้ผม พอผมกลับมาบริษัท เป็นรองนายกฯ ก็ขอตามมา จนสุดท้ายขอลาออกกับผม ไปทำงานกับ ทนง พิทยะ หลังจากนั้น ผมตั้งพรรค ก็ขอมาอยู่กับผม ผมบอกว่าให้มาช่วยทำงาน ส่วนใหญ่เป็นการตั้งประเด็นวางกรอบ”

น้ำเสียงของทักษิณในแคร์คลับเฮ้าส์คืนนั้น ดูจะหยามหยันอดีตรองนายกฯสมคิด เหมือนยังผูกใจเจ็บจากเหตุการณ์ในอดีต

“พอตั้งรัฐบาลได้ปุ๊บ เขาขอเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ หรือทบวง มหาวิทยาลัยก็ได้ ผมหารัฐมนตรีคลังไม่ได้ แต่เห็นสมคิดอยู่มาตลอด ก็เอาว่า เป็นรัฐมนตรีคลังเลยแล้วกัน เขารู้แล้วตกใจกลัวเลย..”

ปากทักษิณบอกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องของสมคิด และคณะสองกุมารจะเคลื่อนทัพสร้างอนาคตไทย ลงสู่สมรภูมิเลือกตั้ง แต่ในแคร์คลับเฮ้าส์ ก็อดแขวะสมคิดไม่ได้

“ขอเล่าต่ออีกนิด มีอยู่วันหนึ่ง ผมจ้างทีมธรรมศาสตร์มาเขียนนโยบาย จ้างอาจารย์หนึ่งในนั้นมา แล้วเขาเป็นคนจีนที่ดูโหงวเฮ้ง จู่ๆ แกทักโหงวเฮ้ง สมคิดว่าจะได้เป็นนายกฯ แต่ไม่ได้ทักผมว่าจะเป็นนายกฯ พอพรรคผมได้เป็นรัฐบาล สุดท้ายสมคิดได้เป็นแค่รัฐมนตรีคลัง สงสัยตอนนี้เขายังติดใจ คิดว่าจะได้เป็นนายกฯ ซักวันมั้ง”

เกจิการเมืองมองว่า การที่ทักษิณส่งลูกสาวคนเล็กลุยสมรภูมิเลือกตั้ง ชูธงกอบกู้เศรษฐกิจไทย ก็ต้องเจอสมคิด มือเศรษฐกิจ และคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางค่ายชินวัตรเป็นอย่างดี จึงต้องออกโรงดิสเครดิตประธานพรรคสร้างอนาคตไทย

สมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า คงจะได้เห็นภาพการต่อสู้ระหว่างศิษย์เก่าไทยรักไทย ที่แยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ กับทายาทนายห้าง ซึ่งในวันเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบว่า นโยบายของพรรคใดโดนใจ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารประเทศ