“ชัยวุฒิ” เผย “ประวิตร” ให้เกียรติ “ประยุทธ์” ในการ “ปรับครม.”

“ชัยวุฒิ” เผย “ประวิตร” ให้เกียรติ “ประยุทธ์” ในการ “ปรับครม.”

“ชัยวุฒิ” เผย “ประวิตร” ให้เกียรติ “ประยุทธ์” ปม “ปรับครม.” โยน ผู้ใหญ่พรรคร่วมคุยกัน แต่เท่าที่ฟังสัญญาณล่าสุด ไม่มี ระบุ ขณะนี้รัฐบาลยังทำงานทดแทนกันได้ ขอให้ปชช. มั่นใจ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องการปรับครม.ว่า หากฟังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่าต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม กลับมาทำหน้าที่นายกฯ ถึงจะปรับ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในหลักการการจะปรับครม. ในขณะที่พล.อ.ประวิตร เป็นรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ท่านไม่อยากจะทำสิ่งนี้ เป็นเรื่องที่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนทำ แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร จะทำอะไรก็ให้เกียรติพล.อ.ประยุทธ์ ตลอด มีการคุยกันตลอด แต่ทราบมาว่าแต่ละพรรคมีรัฐมนตรีที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือลาออกไป มีตำแหน่งว่าง จึงเป็นเรื่องที่ทางผู้ใหญ่ทุกพรรคจะต้องมาคุยกัน

เมื่อถามว่า แสดงว่าพล.อ.ประวิตรได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์แล้วใช่หรือไม่ว่ารอให้กลับมาทำหน้าที่ก่อนจึงจะดำเนินการ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไปตอบแทนแบบนั้นไม่ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการทำงานต้องให้เกียรติกัน และคุยกันทุกพรรค หัวหน้าพรรคทุกคน ผู้ใหญ่ ต้องมาคุยกัน

เมื่อถามถึงความจำเป็นในภาวะเช่นนี้จะต้องเร่งรัดแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลยังทำงานได้ สามารถทดแทนกันได้ และอยากให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลยังทำงานได้

เมื่อถามถึงโควตาพรรคพลังประชารัฐที่ยังว่างอยู่ จะแต่งตั้งเข้ามาในการปรับครม.เลยหรือไม่นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เห็นว่าว่างมาตั้งนานไม่เห็นเป็นอะไร ยังทำงานกันได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้มีการคุยกับพล.อ.ประวิตร วางแผนเพื่อรอ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น เข้าใจว่ามีการพูดคุยกัน แต่ผลสรุปออกมาเป็นอย่างไรไม่ทราบ ต้องรอให้พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาทำหน้าที่ตามปกติ แล้วค่อยมีการหารือกันจริงจังอีกครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่ฟังสัญญาณจากพล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา  คือไม่มีการปรับครม.