เบื้องหลัง “วสันต์” รับทำคดี “นิพนธ์” ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม มั่นใจชนะแน่

เบื้องหลัง “วสันต์” รับทำคดี “นิพนธ์” ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม มั่นใจชนะแน่

“นิพนธ์” ควง “วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์” อดีตประธานศาล รธน.แถลงสู้คดี ป.ป.ช.ฟ้องละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง 2 คัน 50 ล้านบาท สมัยนั่งนายก อบจ.สงขลา เผยเบื้องหลัง “สุทัศน์” คนแนะนำ เหตุ “นิพนธ์” ไม่ได้รับความเป็นธรรม ลั่นถ้าไม่คิดว่าชนะ คงไม่รับทำ

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 ที่โรงแรมสุโกศล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยชี้ขาดตำแหน่งรัฐมนตรีของนายนิพนธ์ ในวันที่ 14 ก.ย. 2565 รวมถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ เมื่อครั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา และส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดย ป.ป.ช.นัดนำตัวส่งฟ้องในวันที่ 5 ก.ย. 2565 กรณีถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมวงเงิน 50 ล้านบาท

นายวสันต์ กล่าวถึงกรณีการรับเป็นทนายว่าความให้นายนิพนธ์ ว่า อาชีพเดิมของตนคือทนายความในสำนักงานหม่อมราชวงศ์เสนีย์ปราโมชเมื่อปี 2510 และเริ่มว่าความปี 2511 ก่อนเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาปี 2516 อีกทั้งอาชีพที่ตั้งตัวได้คือทนายความ ก่อนมาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ คำพูดแบบนี้มองว่าเป็นการดูถูกอาชีพอิสระ เพราะทุกวงการมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน และหลังลาออกไม่เคยคิดจะไปสู้คดีให้ใคร เพื่อมาสู้กับศาลรัฐธรรมนูญที่เคยเป็นประมุข แต่คงไม่น่าเกลียดเพราะไม่เคยเป็นประธานศาลฎีกา ขณะเดียวกันยังยกตัวอย่างหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังเคยไปเป็นทนายความ ทั้งนี้เมื่อเมื่อลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญในปี 2556 แล้ว ก็มาทำอาชีพทนายความปี 2558 โดยว่าความคดีแรก ไม่มีใครรู้ว่าเคยเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญมาก่อน ดังนั้นการที่สื่อบางคน (นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์) บอกว่าตนลดตัวมาว่าความ และเวลาไปศาลนั้น คนจะยกมือไหว้ตั้งแต่หัวกะไดศาลไม่เป็นความจริง

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ตนเคยรับคดีว่าความสู้กับ ป.ป.ช. มาแล้ว ที่รับทำเพราะมีคนถูกกลั่นแกล้ง รังแก หากช่วยพรรคพวกได้ก็ควรช่วย และการรับคดีก็ต้องพิจารณาจะมีทางต่อสู้หรือไม่ หากนายนิพนธ์เป็นฝ่ายผิด ตนคงไม่รับทำคดีให้เพราะจะเสียฟอร์ม ยืนยันเป็นทนายเงียบ ๆ ไม่ได้หิวแสงเหมือนคนอื่น สำหรับคดีแรกที่ว่าความคือคดีที่ ป.ป.ช. กล่าวหาคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการกระทรวงการคลัง ที่มีนายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง เป็นผู้ถูกกล่าวหา จนสุดท้ายชนะคดี 

อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ไม่คุ้นเคยกับนายนิพนธ์ แต่คุ้นเคยกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต รมว.ยุติธรรม และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นรุ่นพี่ที่ ม.ธรรมศาสตร์ แนะนำให้นายนิพนธ์มาคุยกับตน โดยอยู่ในวงการยุติธรรมมา 50 ปี มองออกว่าใครได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อตรวจเอกสารรายละเอียดคดีเห็นว่า นายนิพนธ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงรับทำคดีให้

ในส่วนรายละเอียดของคดีนั้น นายวสันต์ กล่าวว่า กรณี อบจ.สงขลา ซื้อรถเอนกประสงค์ 2 คันมูลค่ากว่า 50 ล้าน และมีการประมูลทำสัญญาส่งมอบรถ เมื่อนายนิพนธ์ มาเป็นนายก อบจ.สงขลา มีเรื่องร้องเรียนตรวจสอบเอกสารพบสงสัยมีการฮั้ว จึงทำเรื่องให้ผู้ว่าฯ สงขลา ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน และ อบจ.สงขลา ได้ไปแจ้งความเพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ขณะนี้พนักงานอัยการสั่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และออกหมายจับเอกชนผู้ถูกกล่าวหา รวมถึง ป.ป.ช. ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความกล่าวโทษเอกชนที่ฮั้วประมูล ป.ป.ช. ต้องเชื่อว่ามีการฮั้ว ขณะเดียวกันเอกชนไปฟ้อง ป.ป.ช. ว่าถูก อบจ.สงขลา กลั่นแกล้ง รวมถึงฟ้องศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ อบจ.จ่ายเงิน แต่เมื่อมีการยื่นฟ้องคดีอาญาว่าฮั้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงให้พิจารณาใหม่ และก็อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ดังนั้นคดีนี้ถ้านายก อบจ.สงขลา สั่งจ่ายเงินสัญญาที่โมฆะถือมีความผิด สัญญาที่เป็นโมฆะคู่กรณีจะกลับคืนฐานะเดิม พวกฮั้วประมูลบอกเป็นการกลั่นแกล้ง แต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายก อบจ. แต่ ป.ป.ช. จะฟ้องเอง ดังนั้นเราพร้อมสู้กับ ป.ป.ช. ไม่ได้เกรงใจ ชื่นชม ป.ป.ช. ชุดนาฬิกายืมเพื่อน ไม่ได้แขวะใคร เพราะเป็นเรื่องจริง

เมื่อถามว่า เปิดหน้าสู้กับ ป.ป.ช. แบบนี้มีปัญหากับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ชุดก่อนหน้านี้ก็รู้จักคุ้นเคยหลายคน เช่น นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นายวิชา มหาคุณ นายกล้านรงค์ จันทิก ส่วนชุดปัจจุบันไม่คุ้นเคย รู้จักส่วนตัวเป็นบางคน และไม่ทราบว่าเป็นเรื่องการเมืองเพื่อให้นายนิพนธ์พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง

อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าจะชนะคดี เพราะหากไม่มั่นใจคงไม่รับทำ เรื่องจริงเป็นอย่างไรไปว่ากันในศาล ตนพร้อมเดินไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามที่ ป.ป.ช.นัดหมายวันที่ 5 ก.ย.นี้ โดยจะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนการชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ มองคนละเรื่องกัน แต่มูลเหตุเดียวกัน รวมถึงยังตั้งข้อสังเกตเหตุเกิดที่สงขลา แต่มาฟ้องศาลที่ กทม. โดยอ้างว่านายนิพนธ์ มีอิทธิพลในพื้นที่ มองเป็นการสร้างความลำบากให้พยานในการเดินทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ไม่ขอแสดงความเห็นในการแถลงข่าวถึงคดีนี้ เพราะชี้แจงไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว และเอกสารชี้แจงส่งศาลรัฐธรรมนูญหมดแล้ว