ระดมยื่น ป.ป.ช.สอบ “บิ๊ก ตร.-ทบ.” ปมตั้ง “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างกาย

ระดมยื่น ป.ป.ช.สอบ “บิ๊ก ตร.-ทบ.” ปมตั้ง “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างกาย

“วัชระ-วีระ” ยื่นพร้อมกันถึง ป.ป.ช. จี้สอบ “ผบ.ตร.-ผบ.ทบ.-สนช.-ส.ว.” ปมแต่งตั้ง “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างกาย พ่วงฝาก “ส.ท.หญิง” เข้ารับราชการ ขัดระเบียบ-กฎหมาย ขีดเส้นสางให้เสร็จภายใน 30 วัน

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการบรรจุแต่งตั้งส.ต.ท.หญิง” และฝากบุคคลภายนอกแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็น “ส.ท.หญิง” ได้ ขัดต่อระเบียบและกฎหมายหรือไม่

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านนายไพโรจน์ นิยมเดชา นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือส่อทุจริตกรณีบรรจุและแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิงและ ส.ท.หญิง เป็นข้าราชการตำรวจ-ทหารหรือไม่ การออกคำสั่งให้สิบตำรวจโทหญิงไปช่วยงานที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยเบิกเบี้ยเลี้ยงและได้วันเพิ่มวันทวีคูณ ทั้งที่ไม่ได้ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้หรือไม่

นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีข่าวนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” และนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความได้นำอดีตทหารหญิงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจหญิง ที่กล่าวอ้างเป็นกิ๊กหรือภรรยาน้อยของ ส.ว.คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนายจ้าง บังคับใช้แรงงานและทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่จังหวัดราชบุรี และสิบตำรวจโทหญิง ยังมีชื่อมาช่วยงานที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมีการเบิกเบี้ยเลี้ยงและได้วันเพิ่มวันทวีคูณ ทั้งที่ไม่ได้ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด อีกทั้งที่ผ่านมาอดีตทหารหญิงยังต้องเป็นทหารรับใช้สิบตำรวจโทหญิงอีกด้วย เรื่องนี้เป็นที่สนใจของสาธารณชนและเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จึงขอร้องเรียนกรณี ผบ.ตร. ผบ.ทบ. อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกวุฒิสภา อธิการบดี คณบดีกับพวก มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือส่อทุจริต ดังนี้

ระดมยื่น ป.ป.ช.สอบ “บิ๊ก ตร.-ทบ.” ปมตั้ง “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างกาย

1.มีการบรรจุและแต่งตั้งสิบตำรวจโทหญิงและสิบโทหญิงเป็นข้าราชการตำรวจ-ทหารหรือไม่ 

2.การออกคำสั่งให้สิบตำรวจโทหญิงช่วยงานที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมีการเบิกเบี้ยเลี้ยงและได้วันเพิ่มวันทวีคูณทั้งที่ไม่ได้ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้หรือไม่ 

3.มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุน ส.ต.ท.หญิงที่กล่าวอ้างว่าเป็นกิ๊กหรือภรรยาน้อยกระทำการทารุณทหารหญิงหรือไม่

4.มีการใช้อำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาฝากภรรยาน้อยเป็นข้าราชการตำรวจลำดับที่ 84 จริงหรือไม่ ฝากบุคคลเข้ารับราชการทหารจริงหรือไม่ 

5.การกระทำของสมาชิกวุฒิสภาส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 185 วรรค 3 และมาตรา 219 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 กฎหมายต่าง ๆ และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 หรือไม่

6.สอบว่าวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่จ่ายเงินซื้อ 50,000 บาท   อธิการบดี คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยใดเป็นผู้ลงนาม ขอให้สอบสวนการทุจริตจริงหรือไม่ 

นายวัชระ กล่าวด้วยว่า กรณีนี้เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้แก่ ผบ.ตร., ผบ.ทบ., อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, สมาชิกวุฒิสภากับพวกใช้สถานะตำแหน่งก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ จึงขอให้พิจารณาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน

ระดมยื่น ป.ป.ช.สอบ “บิ๊ก ตร.-ทบ.” ปมตั้ง “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างกาย

  • “วีระ-กฤษณ์” ยื่นขอให้สอบด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน นายวีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชั่น พรรคเสรีรวมไทย พร้อมนายกฤษณ์ ขำทวี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถึงกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน

นายวีระ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้าราชการทหารตำรวจที่อยากไต่เต้าสู่ชั้นยศสัญญาบัตรไม่ได้ เพราะมีพวกเด็กฝากเด็กเส้น ซึ่งไม่มีข้อจำกัดใด ๆ แม้จะมีอายุเกิน 35 ปี หรือมีวุฒิการศึกษาที่ธรรมดาก็ยังสามารถบรรจุเป็นสาขาที่คลาดแคลนได้อย่างหน้าตาเฉย จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อถึงเวลารับเงินเดือน หรือเบี้ยเลี้ยงเงินเพิ่มพิเศษที่ชายแดนใต้ ใครไปเซ็นรับแทนซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ

“หากตรวจสอบพบว่ามีการร่วมกันทุจริตของทหารไม่ว่าจะเป็นระดับนายพันหรือนายพล ไปร่วมกันกระทำความผิดก็ต้องเอาเข้าคุกให้หมด จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ท้าทายอำนาจของสำนักงาน ป.ป.ช.” นายวีระ กล่าว

ส่วนนายกฤษณ์ กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่เราต้องการให้มีการสืบสวนหาผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้าราชการ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรจุแต่งตั้ง โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทหาร ซึ่งเป็นทหารบริการรับใช้ หรือการขอตัวไปปฏิบัติราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์พิเศษหรือเบี้ยเลี้ยงและอายุราชการทวีคูณ รวมถึงการซื้อวุฒิการศึกษาปลอม ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ จึงมายื่นให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีสืบสวนให้ถึงที่สุด โดยขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ของเจ้าหน้าที่รัฐดังนี้

  1. กรณีบรรจุแต่งตั้ง สิบตำรวจตรี (ญ) กรศศิร์ บัวแย้ม โดยมิชอบ
  2. กรณีบรรจุแต่งตั้ง สิบตรี (ญ) ปัทมา ศิริรัตน์ โดยมิชอบ
  3. กรณีขอตัวทหารหญิงไปเป็นทหารบริการรับใช้โดยมิชอบ
  4. กรณีการขอตัว 10 ตำรวจตรี ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษโดยมิชอบ
  5. กรณีการซื้อวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี จะมาเอาที่ร้านเอกชนโดยมิชอบ