จุดกระแสไล่ “ประยุทธ์” 8 ปี สิ้นความชอบธรรม

เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะเข้าสู่เรดโซน เนื่องจากจะครบเงื่อนเวลา 8 ปี บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ในวันที่ 24 ส.ค.นี้

ต้องลุ้นกันว่า “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการนับวาระ 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ในห้วงเวลาใด โดยมีความเป็นไปได้สูง ที่จะวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทอดเวลาเรียกเอกสารของหน่วยงานที่เกี่ยวกับมาตรวจสอบ เนื่องจากเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมาย ที่มีข้อเท็จจริงปรากฏในสาธารณะมาตลอด

แต่ไม่ว่า “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ความชอบธรรมในการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกทำลายแทบหมดสิ้น เพราะไม่ว่าจะเริ่มนับวาระในช่วงใด แต่ข้อเท็จจริงคือ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในตำแหน่งมาแล้ว 8 ปีเต็ม

ซึ่งเข้าทาง “ขั้วฝ่ายค้าน” ที่ออกมาเขย่า “ขั้วรัฐบาล” พร้อมดิสเครดิตกล่องดวงใจอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์” ได้เข้าเป้า โดยก่อนจะเข้าสู่เดือน ส.ค. แม้ “ขุนพลเพื่อไทย” จะไม่คาดหวังว่าปม 8 ปีจะเป็นไม้ตายหยุด “เครือข่ายทหาร” แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงนาทีเกมบ่อนเซาะกลับแทงทะลุความสัมพันธ์ “3 ป.” ไปด้วย

โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดน “ข่าวปล่อย” โจมตีอย่างหนัก ภายหลังมีกระแสข่าวว่า “ป. 4” เปิดดีลกับ “นายใหญ่” เพื่อส่ง “พี่ใหญ่” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของ “3 ป.” มีรอยร้าวเพิ่มขึ้น

เมื่อยุทธการ หยุดความชอบธรรมของ “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกปล่อยออกมาถล่มเป็นระยะ สร้างการรับรู้ของ “ประชาชน” ซึ่งหากผ่านปม 8 ปีไปได้ โอกาสของ “บิ๊กตู่” ที่จะคัมแบ็ค จะมีเครื่องหมายคำถามทันทีว่า ความชอบธรรมอยู่ตรงไหน

ตอกย้ำการปลุกกระแส ด้วยการนำเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ซึ่งแต่งโดย “พล.อ.ประยุทธ์” ในช่วงเริ่มแรกของการยึดอำนาจเมื่อ 24 ส.ค. 2557 มาเปิดรีรัน ทวงคำสัญญาที่บอกว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” มาปั่นในโซเชียลมีเดีย จนเกิดคำถามว่า 8 ปียังไม่นานพออีกใช่ไหม

ขณะเดียวกัน มีการเปิดโหวตของ นักวิชาการ – 8 สื่อมวลชน ร่วมกันเปิดช่องทางให้ประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นด้วยการโหวตว่า ครบ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” ควรอยู่ต่อหรือไม่ โดยมีผู้โหวต 348,511 โหวต ร้อยละ 93.17 เห็นว่าไม่ควรดำรงตำแหน่งต่อไป อีกร้อยละ 6.83 เห็นว่าควรดำรงตำแหน่งต่อไป

แม้ผลโหวตที่ออกจะไม่ได้สะท้อนความเห็นของคนทั้งประเทศ แต่สิ่งที่ “ผู้โหวต” สะท้อนออกมาย่อมส่งผลด้านลบต่อ “พล.อ.ประยุทธ์” คะแนนที่ทิ้งห่างมีนัยสำคัญต่อความชอบธรรมทางการเมือง

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) ขย่มต่อด้วยการออกแถลงการณ์ จี้ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยุติการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี ที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญ 2540 “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นคนแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาเขียนรัฐธรรมนูญ

หากจะตีความกัน ย่อมเสมือน “พล.อ.ประยุทธ์” มีส่วนในการเขียนกติกาด้วยตัวเอง เมื่อเขียนมัดตัวเองว่าให้นายกรัฐมนตรีมีวาระแค่ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องยอมรับกติกาที่ตัวเองมีส่วนเขียนขึ้นมา เพราะหากไม่ยอมรับกติกาของตัวเอง แล้วจะนำไปบังคับใช้กับคนอื่นได้อย่างไร

หนำซ้ำ เกมในสภายังมีเหตุให้ประจาน “พล.อ.ประยุทธ์” อีกทางหนึ่ง เนื่องจากอยู่ในช่วงพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 แต่องค์ประชุมกลับไม่ครบ ทำให้ “สภาล่ม” ไม่เป็นท่า จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ “ขั้วรัฐบาล” 

อีกทั้ง “ขั้วฝ่ายค้าน” ได้จังหวะแฉเกมของ “ผู้มีอำนาจ” อาจจะต้องการทำให้งานสภาติดขัด ไม่สามารถเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ หากเกิดเดดล็อก “สภาล่ม” ทุกครั้งที่มีการนัดประชุม ทำให้เกิดการปั่นป่วนการเมืองเดินไม่ได้ เปิดโอกาสให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยุบสภาหรือไม่

แม้ “ขั้วรัฐบาล” จะออกมาบลั๊ฟ “ขั้วฝ่ายค้าน” ว่าคิดเอาเอง แต่หลักคิดของ “ขุนทหาร” เหนือการคาดเดา “ผู้กำหนดเกม” สามารถวางแผนให้สถานการณ์เข้าทางได้เสมอ อยู่ที่จะเลือกวางเกมอย่างไร

เช่นเดียวกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ไม่มั่นใจกับคำวินิจฉัยของ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เพราะหากออกมาเป็นบวก ก็สามารถเดินเกมการเมืองต่อไปได้ แต่หากออกมาเป็นลบ จะเดินเกมอย่างไรต่อ ว่ากันว่า มีการคิดเผื่อเอาไว้หลายทาง

สถานการณ์ทางการเมืองต่อจากนี้ ไปถึงวันที่ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัยปมนายกรัฐธรรมนูญ 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในช่วงล่อแหลม 

“แผนหลัก-แผนสำรอง” ถูกขบคิดและตระเตรียมไว้แล้ว อยู่ที่สถานการณ์จะเป็นตัวบ่งบอกว่า “ผู้มีอำนาจ” จะเลือกใช้แผนไหนเดินเกม