"สุทิน" ขอลดงบกลาง ชี้มีพฤติกรรมใช้งบไม่โปร่งใส

          ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมได้เข้าสู่วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185ล้านล้านบาท วาระสอง เป็นวันแรก ในส่วนของมาตรา 6 งบกลาง ซึ่งกมธ. ไม่ได้แก้ไข โดยมีวงเงิน 5.9แสนล้านบาท 

 

       ทั้งนี้ในการอภิปรายมีความน่าสนใจของพรรคฝ่ายค้าน ที่ขอให้ปรับลด เนื่องจากงบกลางดังกล่าวนั้นตรวจสอบได้ยาก และตรวจสอบไม่ได้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการใช้งบกลาง เพื่อเอื้อในเกิดการรั่วไหล

 

        โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปราย ว่า ขอปรับลดงบกลาง 20% เพราะไม่สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วน ฉุกเฉิน เป็นที่รู้และกังวลว่าเป็นงบที่ตรวจสอบยาก และเป็นงบที่มีการเปิดช่องให้รั่วไหลมาที่สุด

 

 

            "กมธ.ติดตามงบประมาณ ของสภาฯ ไปดูการใช้งบและขอเอกสาร ก็ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือมีการปกปิดข้อูลและไม่ให้รายละเอียด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสและมีเงื่อนงำ ซึ่งดูได้จากการที่นายกฯอนุมัติงบกลางไปให้มหาวิทยาลัย 2-3 แห่งไปทำวิจัย โดยการอ้างโควิด ไม่ทราบว่าการวิจัยฉุกเฉิน จำเป็นอย่างไร เพราะกลัวผลวิจัยจะออกมาต้องใช้เวลาเป็นปี จึงไมมีเหตุผลที่ใช้งบกลางให้กับการวิจัย และเป็นการซ้ำซ้อนกับงบของกระทรวง ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่ ที่สำคัญไปกระจุกอยู่ในบางมหาวิทยาลัย" นายสุทิน กล่าว

         “งบกลางที่จัดสรรนั้นไม่ตอบโจทย์ของประชาชน ไม่ได้เร่งด่วน ฉุกเฉินจริงๆ ที่เจ็บปวดกว่านั้นคือไปพบว่าได้กลิ่นการทุจริต จึงขอย้ำว่าการใช้งบกลาง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มีปัญหา ทำให้เราคลางแคลงใจตลอด และหากปีนี้ให้งบกลางไปอีก ยิ่งเป็นปีที่เข้าสู่การเลือกตั้ง ก็คิดไปได้ทั้งนั้นว่าจะเอาไปทำอะไร ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ประชาชนจริงๆ” นายสุทิน กล่าว 

 

          ขณะที่นางรังสิมันต์​ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายขอให้ปรับลดงบกลางลง 4.8% เนื่องจากพบว่ามีการตั้งงบประมาณเผื่อให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งตนไม่สามารถไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถืองบกลางที่มากขนาดนี้อีกต่อไป ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสามารถ ไม่มีศักยภาพในการบริหารงบเพื่อประชาชน