ไขปริศนา"เกมฮั้ว"ตั้งรัฐบาล ดีล(ไม่)ลับ "พี่ใหญ่-นายเก่า"

ไขปริศนา"เกมฮั้ว"ตั้งรัฐบาล ดีล(ไม่)ลับ "พี่ใหญ่-นายเก่า"

แม้ "ประวิตร" จะไม่ได้เปิดดีลกับ "ทักษิณ" ด้วยตัวเอง แต่ขบวนการคนข้างกายของ "ประวิตร" ทั้ง "ป. 4 - ผู้กองมนัส" มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ "ตระกูลชินวัตร" และมีกระแสข่าวถึงการวางเกมซ่อนกลมาหลายครั้ง

เข้าสู่เดือนสิงหา เดดไลน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามตีความว่า ในวันที่ 23 ส.ค.2565 จะครบกำหนดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 158 กำหนดเอาไว้ ซึ่ง “ขั้วฝ่ายค้าน” เตรียมยื่นให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความประเด็นดังกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งแรก เมื่อ 24 ส.ค.2557 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ภายหลังก่อรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเมื่อ 21 ส.ค.2557 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 191 เสียง งดออกเสียง 3

ครั้งที่สอง เมื่อ 9 มิ.ย.2562 ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ภายหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 และรัฐสภาลงมติเมื่อ 5 มิ.ย. 2562 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียง 500 ต่อ 244 งดออกเสียง 3

เมื่อการดำรงตำแหน่งเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ จึงขึ้นอยู่กับ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำวินิจฉัยออกมาในแนวทางใด โดยมี 3 แนวทาง 1.เริ่มนับตั้งแต่ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ทำให้ต้องสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 23 ส.ค.นี้

2.เริ่มนับหนึ่งตอน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 คือวันที่ 9 มิ.ย. 2562 ทำให้สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ถึงวันที่ 8 มิ.ย. 2570

3.เริ่มนับหนึ่งตอนเริ่มบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 และมาตรา 158 เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งทำให้สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ถึงวันที่ 5 เม.ย. 2568

โดยทั้ง 3 แนวทาง “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีคำตอบออกมาอย่างแน่นอน แต่ระยะเวลาหลังจากนี้ จนถึงวันอ่านคำวินิจฉัย จะมีสูตรทางออกทางการเมืองถูกนำเสนอผ่าน “บิ๊กเนม-โนเนม” ทางการเมือง เพื่อดิสเครดิตคู่แข่ง รวมถึง “มือมืด” บางคนที่รอส้มหล่น เพื่อเข้าสู่อำนาจ

ท่ามกลางกระแสข่าวลึกแต่ไม่ลับ ทั้งวงใน วงนอกการเมือง เรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ 3 ป. มีดีลกับ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร พร้อมจับมือตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 

ขณะที่อีกกระแสระบุว่า อาจจับมือกันทันที หากเกิดอุบัติเหตุการณ์เมือง จากการวินิจฉัยประเด็นร้อนวาระนายกฯ 8 ปีของ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่งนายกฯ หลังวันที่ 23 ส.ค.นี้ 

เมื่อตรวจสอบรอบด้าน ข้อมูลจากคนวงในการเมืองยืนยันว่า “ประวิตร-ทักษิณ” ไม่เคยเปิดดีล เจรจากันสองต่อสอง แต่มีกระบวนการของ “คนข้างกาย” พี่ใหญ่ 3 ป. คอยวางเกม-วางยุทธศาสตร์ให้เสร็จสรรพ โดยเฉพาะ “ป. 4” ผู้อยู่เบื้องหลังกบฏล้ม “ประยุทธ์” ในศึกซักฟอกเมื่อเดือน ก.ย. 2564 รวมถึงการโหวตสวน “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในศึกซักฟอกครั้งที่ผ่านมา

รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “ตระกูลชินวัตร” ซึ่งการเคลื่อนเกมของ “ผู้กองมนัส” ในช่วงก่อกบฏล้ม “ประยุทธ์” ถูกเชื่อมโยงกับ “ทักษิณ”

โดยทั้ง “ป. 4 - ผู้กองมนัส” มีความคับแค้นในส่วนตัวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่แปลกที่จะคอยบัญชาเกม เพื่อช่วงชิงอำนาจมาครอบครอง 

แม้จะยังไม่บรรลุเป้าหมาย แต่การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง หาก "บิ๊กป้อม" ประวิตร” บัญชาการพรรคพลังประรัฐได้เบ็ดเสร็จ และคอนโทรล “250 ส.ว.” บางส่วนได้  โอกาสที่จะจับมือสมานฉันท์ขั้วตรงข้ามย่อมเป็นไปได้

สำทับกับการข่าวของ “หมอระวี” นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่เบรกแตก ผิดหวังจากสูตรหาร 500 ได้ออกมาสาวไส้ในสภาว่า 

“เท่าที่ทราบจากกระแสข่าวลือตอนนี้ หากนายกฯ ถูกตัดสินว่าครบวาระ 8 ปี น่าจะมีขบวนล็อบบี้ไม่ให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งนายกฯ เพราะการโหวตเลือกต้องใช้เสียง ส.ว.250 เสียงด้วย”

“หลังจากนั้นก็จะเป็นการเอานายกฯ คนนอก เป็นก๊อก 2 ซึ่งตรงนี้ เต็งหนึ่งก็น่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร แต่มันมีเงื่อนไขระบุอยู่ว่า การที่ พล.อ.ประวิตร จะขึ้นเป็นนายกฯได้ จะต้องใช้เสียงโหวตของฝ่านค้านจำนวนหนึ่งด้วย ข่าวลือเขาระบุชัดว่า มีการฮั้วกันระหว่างคน 2 คน ใครมีอิทธิพลบารมีมากพอที่จะไล่ ส.ส.และ ส.ว.กลับบ้านได้ และใครมีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย” 

ยี่ห้อ “หมอระวี” แม้จะเป็นพรรคเล็ก แต่เป็นที่รับรู้กันดีว่า คือสายตรง “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” เพราะหลายครั้งที่การขยับเกม มักจะสอดคล้องกับท่าทีของ “บิ๊กรัฐบาล” 

ดังนั้นประเด็นข่าวลือเล่าอ้างจากปาก “หมอระวี” จึงถูกอ่านทางว่า มาจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อสกัดความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง-คู่แค้นของนายกฯ ประยุทธ์ หรือไม่

นอกจากนี้ ยังพบความเคลื่อนไหวของ “เพจข่าว” ใกล้ชิดกับ “พรรคสีน้ำเงิน” ที่ออกมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ “3 ป. - ทักษิณ” ที่สามารถสานสัมพันธ์กันได้ หากสมประโยชน์หลังการเลือกตั้งรอบหน้า

คีย์แมนแห่ง “พรรคสีน้ำเงิน” ย่อมรู้ดีว่า ไม่มีทางผูกมิตรกับ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ได้ และแทบไม่มีโอกาสเป็นตัวเลือกในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน 

จึงไม่แปลกที่ “เพจข่าว” ในเครือข่าย เริ่มนำเสนอมุมมองเกมฮั้ว “3 ป.-ทักษิณ” ออกมาขยายผล เพราะหากตกขบวนเที่ยวหน้า โอกาสจะอยู่ในแดนฝ่ายค้านยาวนานแน่นอน

จากนี้ จึงต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหวของ พี่ใหญ่ “ประวิตร” ผู้กุมกำหนดชะตาของน้องเล็ก “ประยุทธ์” จะเลือกเส้นทางการเมืองในอนาคตที่ไม่ไกลนี้อย่างไร เมื่อ“นายเก่า”อย่างอดีตนายกฯทักษิณไม่ปฏิเสธไมตรี