"ไทยสร้างไทย" ค้าน "กนง." ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ชี้ ซ้ำเติม ปชช.

"ไทยสร้างไทย" ค้าน "กนง." ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ชี้ ซ้ำเติม ปชช.

"ไทยสร้างไทย” ค้าน "กนง." ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ชี้ซ้ำเติมเศรษฐกิจ สร้างภาระประชาชน ภาคธุรกิจ ต้นทุนพุ่ง กลุ่มฐานรากแย่แน่ เลิกคิดแต่แจกเงินอย่างเดียว จี้หาวิธีให้คนไทยสร้างรายได้ยั่งยืน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) มองว่า ไม่ควรขึ้น และควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อน จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.5%เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น หากเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเวลานี้ อาจทำให้ทุกอย่างชะลอตัวลง และอาจเป็นการซ้ำเติมหรือสร้างภาระให้กับประชาชน ภาคธุรกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวด้วย

“ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนสูงกว่า 90% ผลกระทบจะเกิดวงใหญ่ ทั้งคนกู้บ้าน กู้รถ คนที่กำลังทำธุรกิจทั้งหมด จะเจออัตราดอกเบี้ยที่แพงขึ้น คนที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่ม ก็จะเจอต้นทุนที่แพงและอาจทำให้ชะลอการลงทุนออกไป ปัจจัยทั้งหมดจะเป็นส่วนที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมแย่ลง คนตัวเล็ก ฐานรากทั้งหลายจะแย่ไปอีก ดังนั้น จึงไม่ควรขึ้นอย่างยิ่ง และการไม่ขึ้นจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของไทย”

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการพูดถึงการขึ้นดอกเบี้ย เพราะ 1.ขึ้นเพราะกลัวเงินทุนไหลออก 2.อัตราแลกเปลี่ยนจะอ่อนตัวมากไป 3.ห่วงเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่จริงๆ แล้ววันนี้ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะวันนี้เงินทุนไม่ได้ไหลออก ดัชนีหุ้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เงินเฟ้อที่น่าห่วงก็ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาปรับตัวแข็งค่าขึ้นจาก 36 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ สะท้อนว่าเงินทุนไม่ได้ไหลออก จึงมองว่า ยังไม่ควรจะขึ้นดอกเบี้ยในเวลานี้ 

สำหรับหลายประเทศที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านั้น เป็นผลจากเงินเฟ้อสูงค่อนข้างมาก จากDemand หรือความต้องการสูง การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับประเทศไทยเกิดจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากความต้องการใช้จ่ายที่สูง และวันนี้ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลงด้วย และมีโอกาสที่เงินเฟ้อจะทรงตัวได้ หากราคาน้ำมันชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป 

“ในวันนี้ยังมีเหตุการณ์ข้างหน้าที่ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะสถานการณ์จีนและสหรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอน ภายหลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ทำการเยือนไต้หวัน ส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรเกิดขึ้น และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยดังกล่าว อาจทำให้เราไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าหลายประเทศอาจทบทวนการพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือชะลอการขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะเศรษฐกิจเริ่มถดถอยลง” 

ส่วนทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยนั้น หากจะขึ้นจริงๆ จะต้องพิจารณา 3 ปัจจัย คือ1.เมื่อเงินเฟ้อกลับมาสูง 2.ค่าเงินเริ่มกลับไปอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์ 3.เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน จีดีพีกลับมาขยายตัวได้ 3-5% รวมถึงเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวชัดเจน 

“วันนี้การบูทเศรษฐกิจจะต้องทำตั้งแต่ข้างล่าง รัฐบาลต้องมาดูว่า เวลานี้สภาพคล่องข้างล่างมันแย่ ต้องหาทางมาช่วย นอกจากการเปิดการท่องเที่ยว การเปิดการค้าชายแดนทุกด่านให้กลับมาปกติที่สุด รวมถึงการดูหนี้เงินกู้ทั้งหลายของภาคธุรกิจ นอกจาก การพักชำระหนี้ ควรที่จะเข้าไปเติมเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ด้วย เพื่อให้เปิดธุรกิจได้ ปรับโครงสร้างให้กลับมาแข็งแรง จะช่วยให้เศรษฐกิจระดับรากหญ้ากลับมาแข็งแรง และเกิดการกลับมาจับจ่ายอีกครั้งแทนที่มัวแต่จะแจกเงินต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เขาหาเงินได้เพิ่มขึ้น คือสิ่งที่ดีที่สุด”