"พรรคบ้านใหญ่" แดนอีสาน เกมตัดแต้ม สกัด"เพื่อไทย"

"พรรคบ้านใหญ่" แดนอีสาน   เกมตัดแต้ม สกัด"เพื่อไทย"

“พรรคบ้านใหญ่” ที่เริ่มขยับรับการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง โดยตั้งเป้าเป็นพรรคระดับจังหวัด ที่ต้องตัดแต้มจากเพื่อไทยให้ได้ เพื่อเป็นต้นทุนในการร่วม “รัฐบาล”

แม้ยังเดากันไม่ออกว่า รูปแบบการเลือกตั้งจะจบกันที่สูตรไหน แต่พรรคการเมืองผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยทุกพรรคมีความหวังที่จะมี ส.ส.เพียงพอที่จะต่อรองทางการเมือง

ขณะที่บางพรรคการเมือง มีภารกิจอื่นซ่อนเร้นกลเกมเอาไว้อย่างแนบเนียน โดยมี “บิ๊กเนม” คอยวางยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนในแต่ละพื้นที่เอาไว้ เพื่อไปสู่เป้าหมาย คือการกลับเข้ามามีอำนาจรัฐอีกคำรบหนึ่ง

โดยวางเกมผุด “พรรคบ้านใหญ่” ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย (พท.) หวังชิงแต้ม-ตัดแต้ม สกัดแลนด์สไลด์ให้ได้

เลือกตั้งเที่ยวนี้ พรรคเครือข่าย“ขั้วรัฐบาล”ปัจจุบัน จะกระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ และจะส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ทุกเขตของภาคอีสาน แต่อาจจะเอาจริงเอาจังเฉพาะในพื้นที่ที่ตัวเองมีฐานเสียงอยู่ หรือในพื้นที่ที่กุมอำนาจรัฐระดับท้องถิ่นเอาไว้ หวังเป็นพรรคระดับจังหวัด

ส่วนในพื้นที่ที่ไม่ใช่ฐานเสียง จะส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส. เช่นกัน แต่จะแบ่งบท-แบ่งแต้มให้ “ขั้วรัฐบาล” ขณะที่คู่ต่อสู้โดยตรงอย่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะเล่นบทตัดแต้ม เพื่อสกัดแลนด์สไลด์

ยิ่งหากการเลือกตั้งใช้สูตรบัตรสองใบ หาร 100 “ขั้วรัฐบาล” ยิ่งจำเป็นต้องแตกแบงก์พันในพื้นที่อีสานให้ได้มากที่สุด

พรรครวมแผ่นดินของ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา แม้จะไม่ชัดเจนว่าเป็นพรรคบ้านใหญ่ แต่โมเดลของ “บิ๊กน้อย” คือการเปิดดีลบ้านใหญ่-บ้านเล็กของแต่ละพื้นที่มาเข้าสังกัด โฟกัสหลักไปที่พื้นที่ภาคอีสาน

การดึง “จำลอง ครุฑขุนทด” อดีต ส.ส.นครราชสีมา มานั่งเลขาธิการพรรค ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครวมแผ่นดิน ต้องการเดินเกมในพื้นที่ภาคอีสานเป็นหลัก เนื่องจาก “จำลอง” พอมีเครือข่ายอยู่ในพื้นที่พอสมควร ฉะนั้นการดึงแต้มการเมืองให้ไหลเข้าพรรค จึงสามารถคอนโทรลได้ในระดับหนึ่ง

พรรคพลังไทยชัยชนะของ “อร่าม โล่ห์วีระ” นายก อบจ.ชัยภูมิ อยู่ระหว่างเซ็ตอัพพรรค หลังส่งจดหมายสอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกระทรวงมหาดไทย ได้รับการยืนยันแล้วว่า สถานะของ “อร่าม” แม้จะนั่งเก้าอี้ นายก อบจ. ชัยภูมิ แต่สามารถดำรงตำแหน่งผู้บริหารพรรคการเมืองได้

เป้าหมายหลักของอร่ามอยู่ที่การชิงเก้าอี้ ส.ส.ชัยภูมิ ซึ่งการเลือกตั้งปี 2562 อร่ามและลูกหลานลง ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็พ่ายทุกเขต ถูกพรรคเพื่อไทยกวาดไป 4 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐแบ่งไป 2 ที่นั่ง ดังนั้นเลือกตั้งครั้งหน้าจึงต้องการใช้พรรคจังหวัดเบียดแทรกเข้ามาให้ได้

โดยอาศัยจุดเด่นของพรรค แม้จะชื่อพรรคพลังไทยชัยชนะ แต่ก่อตั้งมาเพื่อชาวชัยภูมิ แถมมีเครือข่ายภาคการเมือง ภาคประชาสังคม ของพี่น้องชัยภูมิมาร่วมก่อตั้งพรรค

สำหรับเป้ารองอยู่ที่การส่งผู้สมัครในพื้นที่ภาคอีสาน โดยอาศัยเครือข่ายคนกันเอง ตีประตูเมืองเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาให้ได้มากที่สุด

พรรคเพื่อไทรวมพลัง ของ  วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม เป้าหลักอยู่ที่การยึดเมืองโคราช ให้มาขึ้นตรงกับตัวเองให้ได้ แม้จะต้องสู้กับตระกูลรัตนเศรษฐ ตระกูลลิปตพัลลภ แต่ทุนการเมืองของ “เสี่ยแป้งมัน” ระดับหมื่นล้าน หากหวังจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอีก จำเป็นต้องทุ่มมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

นาทีนี้ฟันธงได้เลยว่า “วีรศักดิ์” ไม่ไปต่อกับพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน เพราะแม้จะทุ่มทุนสร้างมากแค่ไหน แต่การอยู่ภายใต้ร่มเงาของ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีเหนือพรรค ไม่ตอบโจทย์อย่างที่หวังเอาไว้ได้ 

จึงไม่แปลกที่วีรศักดิ์อยากออกมาสร้างอาณาจักรของตัวเอง ด้วยการก่อร่างสร้างพรรคใหม่ โดยงานหลังบ้านมีการเซ็ตอัพทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่ติดอยู่ที่ ยังนั่งเก้าอี้ รมช.คมนาคม ในโควตาของพรรคภูมิใจไทย จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะออกมาบู๊เองเต็มตัว ดังนั้นพรรคของ “วีรศักดิ์” อาจจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช้ากว่าพรรคการเมืองอื่น

สำหรับเป้ารองของ “วีรศักดิ์” ไม่ต่างจากพรรคอื่นที่ต้องใช้เครือข่าย “คนอีสาน” ชิงทั้ง ส.ส.เขต และเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส. 

ขณะที่ พรรคชาติพัฒนา ภายใต้การนำของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาพรรค ก็มีเป้าหมายเดียวกัน ต้องการยึดพื้นที่ นครราชสีมา จาก 4 ขั้ว ตระกูลรัตนเศรษฐ ตระกูลหวังศุภกิจโกศล พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย คืนมาให้ได้

โดยการเลือกตั้งปี 2562 ชาติพัฒนาเหลือเก้าอี้ ส.ส.นครราชสีมาเพียง 1 นั่ง จาก 14 ที่นั่ง จากเดิมปี 2554 สามารถคว้ามาได้ถึง 4 ที่นั่ง การเลือกตั้งครั้งหน้า “สุวัจน์” จึงหมายมั่นปั้นมือยึดกลับมาให้ได้ 

นอกจากนี้ “สุวัจน์-ชาติพัฒนา” ยังพยายามสร้างเครือข่ายในพื้นที่ภาคอีสาน กระจาย “ขุนพล” เพื่อรุกทั้ง ส.ส.เขต และหวังปาร์ตี้ลิสต์จากบัตรอีกใบ

ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวของ “พรรคบ้านใหญ่” ที่เริ่มขยับรับการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง โดยตั้งเป้าเป็นพรรคระดับจังหวัด ที่ต้องตัดแต้มจากเพื่อไทยให้ได้ เพื่อเป็นต้นทุนในการร่วม “รัฐบาล”