“สุวัจน์” นำว่าที่ผู้สมัครไหว้ย่าโม ลั่นจุดยืนพรรคชาติพัฒนาต้องบัตร 2 ใบ

“สุวัจน์” นำว่าที่ผู้สมัครไหว้ย่าโม ลั่นจุดยืนพรรคชาติพัฒนาต้องบัตร 2 ใบ

“สุวัจน์” นำว่าที่ผู้สมัครนครราชสีมาไหว้ย่าโมขอบารมีเพื่อคัมแบ๊กจริงๆ ลั่นจุดยืนพรรคชาติพัฒนาต้องบัตร 2 ใบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้(29 ก.ค.)ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคชาติพัฒนา พื้นที่ฐานเสียงสำคัญ , นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพรรคชาติพัฒนา , นายวัชรพล โตมรศักดิ์ส.ส.นครราชสีมา , นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคชาติพัฒนา เขต 3 นายไกรฤกษ์ เสียนขุน ทด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด ได้ร่วมกันกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือคุณย่าโม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่พี่น้องประชาชน ปู่ย่าตายายและชาวไทยเคารพนับถือกราบไหว้ขอพรเป็นสิริมงคลและขอพรบารมีให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา โดยเฉพาะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะมีขึ้นในปี2566

นายสุวัจน์ กล่าวถึงความร้อนแรงทางการเมืองพร้อมกับวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวการนับจำนวนสูตร หาร 100 หาร500 ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็เป็นแต่เพียงผ่านวาระ 2 ไป ฉะนั้นความชัดเจนคงจะต้องดูในวาระที่ 3 ว่ารัฐสภาจะลงความเห็นอย่างไรแล้วก็สุดท้ายก็ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าผลของรัฐสภา ไม่ว่าจะลงมาชี้ว่า หาร 500 หรือ หาร 100 

ส่วนจุดยืนของพรรคชาติพัฒนา ไม่ว่าหาร 500 หาร 100 บัตรใบเดียว หรือบัตรสองใบ จุดยืนอยู่ตรงไหนนั้น ตนคิดว่าวันนี้เราก็ต้องยึดหลักรัฐธรรมนูญ ว่าเราแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอย่างไร อย่างถ้าเกิดเราบอกว่าเราแก้ไขรัฐธรรมนูญไป เพื่อให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นจุดยืนพรรคชาติพัฒนาก็ต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนกฎหมายลูกก็ต้องมีอะไรที่ไม่ไปขัดแย้งกับกฎหมายหลัก กฎหมายแม่ก็คือรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าวันนี้ก็เข้าใจการเมือง บางทีก็กังวลว่าสมมุติหาร 500 ใครจะได้เปรียบ หาร 100 ใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ วันนี้ถ้าเกิดเรามองเอาให้กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับ รธน.อยู่ในกรอบและมีความถูกต้องภายใต้ รัฐธรรมนูญเราอย่างพึ่งไปมองว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบ เอาให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชน ให้ประเทศชาติได้เปรียบ ให้ประชาชนได้เปรียบ เราได้เปรียบหรือเสียเปรียบไม่เป็นไรก็เหมือนกับนักกีฬา เมื่อมีกติกาแล้วออกมาอย่างไรแล้วเป็นกติกาที่ถูกต้อง ถ้าเกิดศาล รัฐธรรมนูญประทับตามมาแล้วว่ากติกานี้ถูกต้องก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองในฐานะผู้เล่นก็ต้องไปปรับวิธีการเล่นให้สอดคล้องแล้วก็แพ้ชนะพี่น้องประชาชนก็ตัดสิน แต่ทุกอย่างประโยชน์ต้องเกิดจากส่วนรวมต้องเกิดจากพี่น้องประชาชนภายใต้กฎเกณฑ์ที่พวกเราคิดว่าอะไรถูกต้อง ฉะนั้นอยากให้ทุกคนสบายใจว่าเราไม่ต้องกังวลว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าเราก็ต้องยอมรับกัน

ส่วนการปรับ ครม. หลังเสร็จศึกอภิปรายฯ เพื่อให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามา ก่อนเลือกตั้งนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าเรื่องนี้คงจะอยู่ในดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีว่าจะปรับหรือไม่ปรับ เพราะว่าเวลาก็เหลือ 7-8 เดือน อันนี้ตนตอบแทนท่านไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าอยากจะเห็นวันนี้ก็ถือว่ารัฐบาลก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจถือว่าได้รับความเห็นชอบจากสภา ว่าท่านทำงานต่อไปได้ ฉะนั้นทำให้แรงกดดันทางการเมืองก็ค่อนข้างที่จะเบาลง ฉะนั้นรัฐบาลก็มีสมาธิ มีความคิด มีอะไรที่ปลอดโปร่งมากขึ้น มีเวลาที่จะทำงานมากขึ้น ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่ 7-8 เดือนเป็นเวลาที่มีความหมายกับประเทศ ตนก็อยากให้ใช้โอกาสนี้ในความปลอดโปร่งทางการเมืองที่บรรยากาศดีขึ้นนี้ โหมเลย ทำงานในเชิงรุกเลย ลุยเลย เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ขณะนี้กำลังเกิด ถ้าถามพี่น้องประชาชนทั่วๆ ไประดับรากหญ้าหรือไปตามตลาดไปทุกแห่งส่วนใหญ่จะบ่นเรื่องของแพง น้ำมันแพง สินค้าอุปโภคบริโภคแพง ก๊าซแพง ค่าไฟฟ้าแพง ทุกอย่างแพงไปหมดรวมทั้งเงินเฟ้อด้วย ฉะนั้นตนคิดว่าอยากให้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็ฝากไว้ ตนไปเจอพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ก็จะฝากมาบอกว่า อยากให้ช่วยดูแลเรื่องของแพงมากๆ

นายสุวัจน์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ “อุ๊งอิ๊ง” เตรียมลงพื้นที่ขนทัพใหญ่จะแลนด์สไลด์เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครที่ จ.นครราชสีมาในเดือนหน้าตนคิดว่าเรื่องนี้ก็ได้เวลา เพราะทุกคนก็คงจะเห็นปฏิทินการเมือง ปฏิทินการเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้วว่า สมมุติถ้ารัฐบาลอยู่ครบก็ประมาณเดือนมีนาคม 2566 ฉะนั้นทุกคนก็ต้องเตรียมตัว ทุกพรรคก็ต้องเตรียมตัว ฉะนั้นความเคลื่อนไหวทางการเมืองตอนนี้ตนคิดว่าก็เป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะมีอะไร เพราะทุกคนก็ต้องคาดหวังกัน

ส่วนมาถึงวันนี้แล้วอีกไม่กี่เดือนพรรคชาติพัฒนาความพร้อมของพี่น้องประชาชนอยากรู้นั้น ตนก็คิดว่า เที่ยวนี้เรามีความพร้อม ตนก็มั่นใจ อยากให้พรรคชาติพัฒนาได้คัมแบ๊ก คัมแบ๊กจริงๆ เพื่อที่จะมาทำให้ให้กับชาวโคราชและมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะจริงๆ ตอนนี้เป็นห่วงมากๆ เรื่องเศรษฐกิจ เพราะผลกระทบตรงนี้ตอนนี้เยอะมาก ไม่ใช่เกิดขึ้นที่เฉพาะประเทศมันเหมือนกับเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเกือบทั่วโลก ผลกระทบจากโควิด จากภาวะสงคราม จากเงินเฟ้อ ฉะนั้นแต่ละประเทศก็ต้องขวนขวายในการที่จะหามาตรการที่เหมาะสมมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนนี้ตนคิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วใครจะเป็นผู้ได้รับฉันทานุมัติจากพี่น้องประชาชนก็ยังไม่ทราบ แต่ภารกิจที่สำคัญก็คือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ในส่วนนี้พรรคชาติพัฒนาเรามีความพร้อม เรามีความมั่นใจ เพราะว่าเราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ยุคสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นเรามีความเชื่อมั่นว่า เรามีบุคลากร มีนโยบายที่พร้อมที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าจะได้ให้โอกาสเรามากน้อยเพียงใด เราก็จะทำให้ดีสุด ส่วน จ.นครราชสีมา 16 เขตจะคัมแบ๊กทุกเขตหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเราก็อยากให้เป็นอย่างนั้น คือเราก็พยายาม อย่าง จ.นครราชสีมา หรือโคราชเราก็พยายามที่จะหาผู้สมัครที่ดีที่สุด และที่โคราชก็คงจะส่งครบทุกเขตเลย แต่จะได้กี่เขตอย่างไรนั้นก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชนชาวโคราช ส่วนจะขอเกินครึ่งของทุกเขตของโคราชนั้นก็แล้วแต่พี่น้องประชาชน ยิ่งได้เยอะเราก็มีโอกาสทำงานให้พี่น้องประชาชนได้เยอะ