"วราวุธ" ย้ำจุดยืน ชทพ. ยึดแนวทาง "บรรหาร" หนุนบัตรสองใบ

"วราวุธ" ย้ำจุดยืน ชทพ. ยึดแนวทาง "บรรหาร" หนุนบัตรสองใบ

"วราวุธ" ย้ำจุดยืน ชทพ. สนับสนุนแนวทางบัตรสองใบ เพราะเป็นแนวทางที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มเอาไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540

29 กรกฎาคม 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคแกนนำรัฐบาลต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้บัตรใบเดียว ว่า ก่อนอื่นคงต้องพูดถึงความเหมาะสมก่อนว่า เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะเราเพิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่นาน ยังไม่ถึงปี แก้จากบัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา สนับสนุนแนวทางบัตรสองใบ เพราะเป็นแนวทางที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มเอาไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นที่มาของบัตรสองใบ และหาร 100 ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาเองเห็นด้วยกับการเดินตามแนวทางนี้มาตลอด

 หากตอนนี้จะขอแก้กลับไปใช้ใบเดียวคงต้องมาถามเหตุผลกันก่อนว่าด้วยเหตุใด และประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่อแก้มาแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขแล้วนี้ที่ยังไม่ได้ใช้ แล้วจะแก้กลับไปเป็นใบเดียวใหม่อีก ก็จะทำให้การทำงานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเท่ากับเป็นศูนย์ ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาไม่เห็นด้วยกับการที่จะย้อนกลับไปเป็นบัตรใบเดียว ส่วนกรณีจะหาร 500 หรือหาร 100 คงไปถกกันในสภาว่าขัด

เมื่อถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพราะต้องการสกัดพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนแรกที่บอกว่าใช้สองใบก็ได้ยินว่าจะสกัดเหมือนกัน จึงไม่แน่ใจว่าตกลงบัตรใบเดียวสกัดหรือบัตรสองใบสกัด แต่ประเด็นวันนี้คงไม่ได้อยู่ที่จะสกัดพรรคไหน

สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาวันนี้มองว่า ในเมื่อแก้มาเป็นสองใบแล้ว เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมของใบเดียวหรือสองใบ ไม่ควรเป็นประเด็นที่จะมาถกกันอีก เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขมาเป็นสองใบแล้ว ก็ควรจะดำเนินการไป และขณะนี้กฎหมายลูกกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ หากกลับไปใช้ใบเดียวใหม่ก็เท่ากับว่า ความพยายามในการทำงาน และการประชุมหลายเดือนที่ผ่านมากลับไปเป็นศูนย์ เราก็เสียเวลาไปหลายเดือน จึงไม่คิดว่าเป็นแนวทางที่ควรจะเกิดขึ้น

การที่เราเหลือเวลาถึง 24 มีนาคม 2566 ก็ประมาณ 8 เดือน สภานี้จะหมดวาระลง พรรคชาติไทยพัฒนาคิดว่าเราควรจะเร่งทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ ในการเรียกคะแนนและเรียกศรัทธาจากประชาชน ตราบใดที่วันเลือกตั้งยังไม่มาถึงก็ยังเป็นโอกาสที่เราจะทำงานให้กับประเทศชาติ ทำงานเรียกคะแนนความนิยม พรรคชาติไทยพัฒนาเชื่อว่าเรายังสามารถทำงานให้กับประชาชนได้จนถึงนาทีสุดท้าย และด้วยเวลาที่เหลืออยู่นี้ถ้าหากกลับไปเป็นบัตรใบเดียว ไม่แน่ใจว่าการตอบรับจากสังคมจะเป็นอย่างไร ดังนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง นายวราวุธ กล่าวว่า ขอไม่พูดถึงประเด็นนั้น เนื่องจากพรรคชาติไทยพัฒนาโฟกัสกับงานในเวลาที่เหลืออยู่ ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด และงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภา เมื่อผ่านแล้ว เข้างบประมาณปี 66 เราต้องเร่งทำงาน เพราะเวลาเหลือไม่มากจะได้เป็นผลงานของรัฐบาล ของแต่ละกระทรวง ของแต่ละพรรค แทนที่จะทำให้คะแนนเสียไป คิดว่าเป็นเวลาควรที่จะทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่า

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนการวางยุทธศาสตร์ วางแนวทาง และนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมการเลือกตั้งนั้น ที่จริงก็อยากจะวางแต่ต้องดูหลายปัจจัยประกอบ อย่างน้อยตอนนี้เรารู้ว่าไม่ต้องทำไพรมารี่แล้ว เบื้องต้นก็เร่งหาตัวแทนประจำจังหวัดให้ครบเสียก่อน และต้องดูความชัดเจนสูตรหาร 100 กับหาร 500 เพราะยุทธศาสตร์ก็จะต่างกันไป การวางกลยุทธ์ว่าปาร์ตี้ลิสต์จะเป็นอย่างไร เขตจะเป็นอย่างไร ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญดังนั้นต้องดูความชัดเจนเช่นกัน