"ประวิตร" ถก ยกระดับแก้ปัญหา IUU ย้ำ ทำตามกฎหมาย ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

"ประวิตร" ถก ยกระดับแก้ปัญหา IUU ย้ำ ทำตามกฎหมาย ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

"ประวิตร" เปิด "ป่ารอยต่อฯ" ถก "คกก.นโยบายประมงฯ" มุ่ง ยกระดับแก้ปัญหา IUU เร่งฟื้นฟูทรัพยากร พิจารณาใบอนุญาต-หลักเกณฑ์ ทำประมง ปี65-66 ย้ำ ต้องทำถูกกฎหมาย ควบคู่การอนุรักษ์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ผ่านระบบทางไกล ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงที่ยั่งยืนแบบมีส่วนร่วม โดยที่ประชุมรับทราบกำหนดการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทย กับคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมง IUU ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ ระหว่าง 10 - 14 ต.ค.65 และการเตรียมการจัดทำรายงานความก้าวหน้า ในการต่อต้านการทำประมง IUU ของไทย และรับทราบผลการพิจารณาจัดสรรใบอนุญาตและหลักเกณฑ์การทำประมง ปี 65-66 โดยมีเรือที่ขอรับการจัดสรรจำนวน 9,687 ลำ ได้รับการอนุญาต9,608 ลำ อยู่ในพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย 7,703 ลำ และฝั่งอันดามัน 1,905 ลำ ไม่ได้รับอนุญาต 79 ลำจากคุณสมบัติที่ไม่ครบถ้วน 

\"ประวิตร\" ถก ยกระดับแก้ปัญหา IUU ย้ำ ทำตามกฎหมาย ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล จากนั้นได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ 2 จำนวน 59 ลำ วงเงิน 287,181,800 บาท และแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา ปี 66 -70 ที่มีสาระสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชาวประมง ชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง ในการจัดการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรประมงที่เสี่ยงสูญพันธุ์ โดยกำหนด 3 แนวทางประกอบด้วย การฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ประโยชน์ทรัพยากรประมงแบบบูรณาการ และการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในทะเลสาปสงขลาอย่างยั่งยืน  

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการยกระดับขับเคลื่อนนโยบายการทำประมงที่ยั่งยืน จำเป็นต้องถูกกฎหมายควบคู่กับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทะเล และการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมกันของผู้มีส่วนได้เสีย โดยกำชับให้กรมประมงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการบูรณาการทำงานร่วมกันด้วยความเข้าใจ ร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาชน โดยเฉพาะ การดูแลแรงงานภาคประมงและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งต้องพิจารณาให้ความสำคัญกับ MMPA และแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ปี 66-70 ที่จัดทำขึ้นรองรับไปพร้อมกัน  โดยเฉพาะมาตรการรองรับการลดใช้พลาสติกและโฟม ที่ก่อปัญหาขยะทะเล  ซึ่งจะส่งผลอันตรายต่อสัตว์ทะเล และมาตรฐานผลิตภัณฑ์สัตว์ทะเลส่งออก และความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ