ก่อนซักฟอก 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคให้ “ภูมิใจไทย” กว่า 5.9 ล้าน

ก่อนซักฟอก 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคให้ “ภูมิใจไทย” กว่า 5.9 ล้าน

พบข้อมูลใหม่ ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงินให้ “ภูมิใจไทย” เพิ่มเติมอีก 5.9 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ปี 62 เคยบริจาคมาแล้ว 4.8 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่บัญชีบริจาคและจำนวนเงินบริจาคพรรคการเมือง ประจำเดือน พ.ค. 2565 โดยมีพรรคที่น่าสนใจ เช่น พรรคภูมิใจไทย มียอดบริจาครวม 93 รายการ รวมวงเงิน 52,039,850 บาท 

ในจำนวนนี้มี หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริจาคให้ด้วย มูลค่า 5,997,000 บาท

ก่อนซักฟอก 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคให้ “ภูมิใจไทย” กว่า 5.9 ล้าน

สำหรับ หจก.บุรีเจริญฯ นั้น ก่อนหน้านี้มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และ พ.ต.ต.เพิ่มพูน ชิดชอบ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้จัดตั้ง หจก.และถือหุ้น กระทั่งปี 2540 นายศักดิ์สยามได้ลาออกจากการเป็นหุ้นส่วน ต่อมาปี 2558 นายศักดิ์สยามได้กลับมาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อีกครั้ง หลังจากนั้นในปี 2560 มีนายเอกราช ชิดชอบ เข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วน 

กระทั่งเมื่อปี 2561 นายศักดิ์สยาม ได้โอนหุ้น โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นให้แก่นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มูลค่าหุ้น 119.4 ล้านบาท โดยทั้งคู่ระบุว่า เป็นการซื้อขายแบบราคาจริง (ราคาพาร์) ทำให้ไม่ต้องมีการเสียภาษี

ก่อนหน้านี้ หจก.บุรีเจริญฯ เคยบริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทยมาแล้ว เมื่อเดือน ก.พ. 2562 ส่วนนายศุภวัฒน์ เคยบริจาคทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคภูมิใจไทยเมื่อ ม.ค. 2561 มูลค่า 2,770,000 บาท

ก่อนซักฟอก 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคให้ “ภูมิใจไทย” กว่า 5.9 ล้าน

ก่อนซักฟอก 2 เดือน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคให้ “ภูมิใจไทย” กว่า 5.9 ล้าน

นอกจากนี้ หจก.บุรีเจริญฯ ยังใช้ที่ตั้งเดียวกับที่อยู่ของนายศักดิ์สยาม ที่แจ้งไว้ในบัตรประชาชน และข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดย ระหว่างปี 2558-2562 หรือราว 4 ปี หจก.บุรีเจริญฯ ใช้ที่ตั้งดังกล่าว ซึ่งเป็นที่อยู่เดียวกับนายศักดิ์สยามมาโดยตลอด แม้แต่ในช่วงเพิ่มทุนจดทะเบียนเมื่อ 8 พ.ค. 2562 ที่นายศุภวัฒน์ (ซึ่งรับโอนหุ้นมาจากนายศักดิ์สยาม 119.4 ล้านบาท) ลงเงินเพิ่มอีก 40 ล้านบาท ยังคงทำสัญญาที่บ้านเลขที่ดังกล่าว (ในช่วงเวลานั้น หจก.บุรีเจริญฯ มีหุ้นส่วน 4 ราย ได้แก่ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ น.ส.ปริชาติ ขันเสน นายเอกราช ชิดชอบ และ น.ส.วรางสิริ ระกิติ โดยมีนายศุภวัฒน์ และ น.ส.วรางสิริ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ)

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2562 มีการประชุมหุ้นส่วน หจก.บุรีเจริญฯ ที่บ้านเลขที่ 30/2 ม.15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเปลี่ยนที่ตั้ง หจก. 

กระทั่งวันที่ 18 มิ.ย. 2562 หจก.บุรีเจริญฯ แจ้งเปลี่ยนที่ตั้งจากเลขที่ 30/2 ม.15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ มาเป็นเลขที่ 30/17 ม.15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

โดยการเปลี่ยนที่ตั้งของ หจก.จากบ้านนายศักดิ์สยามเป็นที่อื่น ก่อนหน้าที่นายศักดิ์สยามจะได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2/1 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 ห่างกันราว 23 วัน

เบื้องต้นฝ่ายค้านเตรียมนำข้อมูลที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม เพื่อไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนต่อไป

อย่างไรก็ดีนายศักดิ์สยาม เคยชี้แจงประเด็นเหล่านี้แล้ว สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า ข้อกล่าวขายหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ กับคนใกล้ชิดคือนายศุภวัฒน์นั้น ยอมรับว่าเป็นเพื่อนสนิทของตน และมีการโอนเงินขายหุ้นจริง 3 ครั้ง ครั้งแรก 35 ล้านบาท ครั้งที่สอง 35 ล้านบาท และครั้งที่สาม 49 ล้านบาท รวม 119.5 ล้านบาท

นายศักดิ์สยาม ชี้แจงอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาซื้อขายหุ้นแต่ไม่ยื่นหลักฐานนั้น ยืนยันว่าการซื้อขายดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีหลักฐานชี้แจงให้เห็นในวันนี้แล้ว และเห็นได้ว่าตนดำเนินการตั้งแต่ 28 ม.ค. 2561 แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ตัดขาดจากตนแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดอีก

ส่วนการไม่รายงานในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. นั้น นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า กิจกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการ เป็นเรื่องที่ตนยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2562 โดยตามกฎหมาย ป.ป.ช. กำหนดให้ยื่นทรัพย์สินขณะนั้นภายใน 30 วัน แล้วนำไปแจ้ง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.