"สุริยะ" โต้ปมอัครา ยันยึดประโยชย์ชาติ-ไม่เคยเสนอยกเลิกม.44 -โอกาสชนะ60%

"สุริยะ" โต้ปมอัครา ยันยึดประโยชย์ชาติ-ไม่เคยเสนอยกเลิกม.44 -โอกาสชนะ60%

รมต.อุตสาหกรรม โต้ปมพอพาทอัครา ยืนยันนายกฯสั่งศึกษารอบด้าน-ยึดประโยชย์ชาติ ลั่นไม่เคยเสนอยกเลิกม.44 ส่วนโอกาสชนะทางคดีมีกว่า 60% ปัดตั้ง "วิษณุ-อุตตม"ล้วงลูก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีตามรับธรรมนูญมาตรา151 ประเด็นข้อพิพาทเหมืองทองอัคราที่มีการใช้มาตรา44 ปิดเหมืองทองอัครา กรณีที่น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ระบุว่าที่ผ่านมามีการเสนอให้นายกฯยกเลิกการใช้มาตรา44 ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง  กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้นายกฯใช้มาตรา44 ระงับทำเหมืองอัคราชั่วคราว โดยไม่ใช้กฎหมายทั่วไป

พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบเกือบ 3ปี ก่อนใช้มาตรา44ตามข้อเสนอ เพื่อความปลอดภัยประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใด

ส่วนเอกสารกระทรวงต่างประเทศที่ทักท้วงการใช้มาตรา44นั้น เป็นการพูดความจริงครึ่งเดียว เอกสารดังกล่าวระบุว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา44 จะต้องทำเพื่อป้องกันสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม

กรณีนี้จึงออกคำสั่งที่คำนึงถึงสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ

ส่วนที่บริษัททนายฝ่ายไทยประเมินไทยแพ้คดีแน่ ก็ไม่เป็นจริง หนังสือดังกล่าว ตนเสนอครม.รายงานการต่อสู้คดี ประเมินว่า ฝ่ายไทยมีโอกาสชนะ 66% แพ้ 34% ไม่ใช่แพ้คดีแน่นอน ถ้าบริษัทคิงส์เกตมีโอกาสชนะ100% ได้ค่าเสียหาย 3หมื่นล้านบาท คงไม่มาเจรจารัฐบาลไทย

 

ที่ผ่านมา คิงส์เกตกำไรปีละ 800ล้านบาท ต้องใช้เวลา 38ปี จึงได้เงินดังกล่าว ถ้าคิดว่าชนะแน่ คงไม่เจรจา ถ้าได้เงิน 30,000ล้านบาทแน่นอน หลังจากคิงส์เกตเห็นข้อต่อสู้ฝ่ายไทย จึงเข้าใจสิ่งที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ ทางบริษัท อัคราจึงกลับมาขอประทานอาชญาบัตร พื้นที่ 44แปลง ส่วนการขออาชญาบัตรแสนกว่าไร ปัจจุบันยังไม่เดินเรื่องขอ ยังไม่อนุญาตใดๆ หากมาเดินเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอนุญาต ต้องดูแผนสำรวจมีความเหมาะสมหรือไม่

นายสุริยะกล่าวว่า ส่วนกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือทักท้วงให้ยกเลิกมาตรา44 แต่นายกฯไม่ฟังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมไม่เคยได้รับหนังสือดังกล่าวอย่างที่น.ส.จิราพร นำมาโชว์  รูปแบบหนังสือน่าจะเป็นหนังสือที่ส่งกันในหน่วยงาน เป็นบันทึกข้อความ ไม่ใช่หนังสือทางการ ไม่ทราบว่า เป็นคณะทำงานใดที่ส่ง น่าจะเป็นหนังสือหารือในหน่วยงานที่ยังไม่มีข้อยุติ

ยืนยันว่าคณะกรรมการระงับข้อพิพาทไม่เคยเสนอให้ระงับคำสั่งคสช.  

ส่วนที่ "ไอ้โม่ง 2คน" อยู่เบื้องหลังสั่งการแก้ปัญหา ทั้งที่ไม่ใช่คณะทำงานแก้ปัญหานั้น คาดว่า คงหมายถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และอุตตม สาวนายน อดีตรมว.อุตสาหกรรม  การที่ 2คนให้คำปรึกษาเป็นผลดีต่อฝ่ายไทย ไม่ได้ทำให้เสียประโยชน์หรือแทรกแซงอะไร

จากนั้น น.ส.จิราพร ได้ใช้สิทธิพาดพิงว่า กรณีที่รมว.อุตสาหกรรมระบุว่าตนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวและ และยืนยันว่า มาตรา44ใช้ได้หากเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนนั้น ท่านต่างหากที่พูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพราะกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าใช้ได้หากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอ  

ซึ่งตนขอถามว่านับตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบจนถึงขณะนี้มีการหาหลักฐานะทางวิทยาศาตร์มายืนยันได้แล้วหรือไม่ถ้าหาได้ก็ขอให้เอามาแสดงต่อสภาวันนี้ 

กรณีที่นายสุริยะระบุว่าการเจรจาเป็นไปตามข้อแนะนำของอนุญาโตตุลาการตนขอถามว่าเจรจาไปแล้วประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรกลับมา

ทั้งนี้กรณีที่มีการระบุว่าการอนุมัติประทานบัตรเป้นไปตามขั้นตอนปกติ ตนก็ขอถามว่า หากเป็นไปตามขั้นตอนปกติเหตุใดการเจรจาจึงไปปรากฎในข้อต่อรองระหว่างไทยกับคิงส์เกตซึ่งรัฐบาลไม่เคยตอบเรื่องนี้

ส่วนที่บอกว่าจะชนะคดี60%ขอถามว่าถ้ามั่นใจว่าจะชนะคดีจะไปเจรจาทำไม ยืนสู้ไปเลยเพราะไทยถ้าชนะไทยไม่ต้องเสียแม้แต่บาทเดียว

ส่วนที่บอกว่าหนังสือของอสส.เป็นเพียงบันทึกข้อความ ไม่ใช่หนังสือทางการ ตนทำงานหน่วยงานราชการมาก่อนรู้ดี ว่าเป็นหนังสือประเภทใด ตนรู้ดีและมีสำเนารวมถึงเอกสารยืนยันว่าหนังสือดังกล่าวมีการส่งตรงไปยังพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ถ้าท่านส่งสัยว่าเป็นหนังสือจริงหรือไม่ก็ขอให้รอไปขึ้นศาลพร้อมพล.อ.ประยุทธ์ 

วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ให้รัฐมนตรีที่ไม่ใช่ศูนย์กลางของปัญหามาตอบแทนวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยากตอบไม่เป็นไรรอขึ้นให้การบนชั้นศาลพร้อมกัน