"จุติ" รับโครงการเอื้ออาทรขาดทุนสะสม​ 38,843 ล้าน โต้แอบอ้างสถาบัน

"จุติ" รับโครงการเอื้ออาทรขาดทุนสะสม​ 38,843 ล้าน โต้แอบอ้างสถาบัน

"จุติ" ยอมรับโครงการเอื้ออาทรขาดทุนสะสม​ 38,843 ล้านบาท​ เร่งแก้ระบบให้มีรายได้เพิ่ม​ ปัดตั้งนักปั่น-ที่ปรึกษา​ เป็นคณะกรรมการ​ พร้อมยืนยันว่า​ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต​โครงการ 3G ICT พร้อมโต้แอบไม่มีความคิดแอบอ้างสถาบัน

นายจุติ​ ไกรฤกษ์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​​(พม.)​ ชี้แจงฝ่ายค้านที่มีอภิปรายไม่ไว้วางใจ​ โดยมีการกล่าวหาว่าตนเองทำหน้าที่ไม่เหมาะสมและไม่เกิดประโยชน์​ต่อการเคหะแห่งชาติ​ ว่า มีความคิดเหมือนกันที่จะแก้ไขปัญหาการเคหะแห่งชาติเพื่อประโยชน์ของประชาชนสูงสุดเกิดประโยชน์ต่อองค์กรให้มากที่สุดซึ่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ยาก​ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะถ้าหากทำแล้วประชาชนและการเคหะแห่งชาติได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น​ 

ส่วนที่มีการกล่าวหาตนเองเข้ามาทำงาน 3 ปีไม่เห็นผลงานใดเรื่องที่อยู่อาศัยนั้น​ นายจุติ​ ยืนยันว่า​ ตนเองเข้ามากำกับดูแล การเคหะแห่งชาติสถานะทางการเงินมีหนี้สินรวม 35,419 ล้านบาท​ และมีทรัพย์สิน​รวม​ 53,746 ล้านบาท​ แต่ยอมรับมีปัญหาเกี่ยวกับภาระโครงการเอื้ออาทรที่ขาดทุนสะสม​ 38,843 ล้านบาท​ ทำให้ต้นทุนของการเคหะแห่งชาติมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยประจำปีละไม่ต่ำกว่า​ 600 ล้านบาท​ และเมื่อตนเองเข้ามาในตำแหน่ง​ ทางคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ​ ได้มีการรายงานว่าได้รับข้อสังเกตจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน​ (สตง.)​ ได้สั่งการให้สำรวจตรวจสอบความผิดปกติของการจัดทำบัญชีที่เกี่ยวกับทรัพย์สินพร้อมเน้นว่าการเคหะแห่งชาติมีระบบการควบคุมภายในที่ไม่ดีเพียงพอ และมีการบริหารจัดการทรัพย์สิน ที่ไม่ครอบคลุมธุรกิจโดยเสนอให้แก้ไขข้อกฎระเบียบบังคับ​ โดย​ สตง. ตรวจสอบพบปัญหาความผิดปกติในบริษัทลูก​และผลประโยชน์ทับซ้อน อีกทั้งยังมีการตั้งญาติของอดีตผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ​ มาเป็นผู้จัดการบริษัทลูกอีก โดยนำทรัพย์สินบางส่วนของการเคหะแห่งชาติไปให้สมาคมเช่า​ แล้วไม่มีการนำรายได้นำส่งให้แก่การเคหะแห่งชาติ

นายจุติ​ กล่าวด้วยว่า​ คณะกรรมการได้ทำงาน ด้วยความเหนื่อยยากต้องสู้กับระบบนายทุนผูกขาดที่หากินกับการเคหะแห่งชาติมายาวนานโดยคณะกรรมการได้ออกระเบียบข้อบังคับการจัดการทรัพย์สินเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดูแลเรื่องนี้ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานเรื่องผิดปกติไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)​ นอกจากนั้นมีการเร่งคืนเงินประกันที่ได้เก็บไว้นานมากเกือบ 10 ปีกว่า​ 1,400 ล้านบาท ที่บริษัทต่างๆได้มีการนำเงินมาค้ำประกันไว้​ ภายใน​ 3 เดือน​ ซึ่งเป็น​ 90% ของเงินที่เก็บไว้ และปรับโครงสร้างภายในบริษัทลูกดังกล่าวเพื่อให้ฐานะการเงินเข้มแข็งตามข้อเสนอของ​ สตง. รวมถึงให้ปรับปรุงสถานะทางการเงิน​ เพื่อให้ฟื้นตัวจากผลขาดทุนให้เป็นกำไรให้ได้​ และยังตั้งคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการเอื้ออาทร​ ซึ่งถือเป็นภาระให้กับรัฐบาลมานานมาก​ ทำให้มีนักธุรกิจที่หากินกับการเคหะแห่งชาติติดคุกจำนวน 4 คน​

นอกจากนี้​ ยังได้มีการนำทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มาพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด​ โดยจัดระบบการเช่าใหม่โดยอาคารที่เช่าเหมาหมดสัญญาแล้วให้กลับมาทำ​ จึงเป็นที่มาของการอภิปรายของสมาชิกที่บอกว่ามีข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นข้อมูลเด็ด​ ข้อมูลลับ​ ของผู้บริหารบริษัทลูกที่ได้ทำผิด​ ละเมิดธรรมาภิบาล​ พร้อมยังปฏิเสธ เรื่องที่มีการตั้งนักปั่นหุ้นมาเป็นกรรมการการเคหะแห่งชาติ ว่าไม่เป็นความจริงเพราะการที่จะเลือกกรรมการแต่ละคนไปอยู่ในรัฐวิสาหกิจจะต้องผ่านการตรวจสอบถึง 4 ชั้น​ และมีกฎหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่มีคดีไม่สามารถเป็นคณะกรรมการได้​ จึงเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและเป็นการกล่าวเท็จ

ส่วนที่มีการพูดชื่อย่อ​ของบุคคลที่ตนเองตั้งเป็นคณะกรรมการ​ โดยอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของตนเอง ยืนยันว่า​ ไม่ใช่เป็นที่ปรึกษาของตนเองและไม่ได้เป็นที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่สังกัดกระทรวง​ ​ICT ในขณะนั้น​ รวมทั้งยืนยันว่า​ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต​โครงการ 3G ICT ก็ตรงกันเองได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ​ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น​

โดยให้ทบทวนการประมูลโครงการดังกล่าวและก่อนที่ตนเองเข้ามาผลการประมูลอยู่ที่ 29,000 ล้านบาทโดยตนเองได้เข้าไปจากระบบใหม่​ ซึ่งทำให้ประหยัดเงินงบประมาณให้กับประชาชนและแผ่นดินได้ 12,000 ล้านบาท​ และเหลือการประมูลอยู่แค่17,000 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าตนเองมี แอบอ้างสถาบันเพื่อทำโครงการ 3G ICT นั้น​ นายจุติ​ ยืนยันว่า​ ไม่เคยมีคำสั่งไม่เคยมีจดหมายขอกระทำแบบนี้​ ตนเองทำด้วยใจ ทุกเรื่องที่ทำถวายสถาบันพระมหากษัตริญ์​ ตั้งแต่เกิดและจะทำจนตาย และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์​ ไม่เคยมีคดีล้มล้างการปกครองไม่เคยมีคดีล้มเจ้าแน่นอน​ 

และข้อกล่าวหาว่าตนเองบีบบังคับให้อดีตผู้ว่าการเคหะจะออกเพราะไม่สนองนโยบายยืนยันว่าจดหมายลาออก เพราะปัญหาสุขภาพตนเองไม่ได้บีบให้ลาออก​ ส่วนที่เมื่อลาออกแล้วได้เอาคนข้างในเข้ามาเพื่ออวยโครงการ​ ก็เป็นข้อกล่าวเท็จ​ เพราะผู้ว่าการเคหะแห่งชาติคนปัจจุบัน​ เข้ามาหลังโครงการสร้างบ้านให้คนจนได้เช่าในราคาถูก

จากนั้นนายณัฐชา​ บุญชัยอินทร์สวัสดิ์​ ส.ส.บัญชี​รายชื่อ​พรรคก้าวไกล​ ได้ลุกขึ้นอภิปรายในกรณีการชี้แจงของนายจุติ​ ที่มีการออกจากสภาเพื่อเตรียมข้อมูลชี้แจง​กว่า 20 ชั่วโมง​ ทั้งการตั้งนักปั่นหุ้นมา​ ​ และเรื่องการตั้งที่ปรึกษา​

เป็นกรรมการการเคหะแห่งชาติ​ ที่หายไปแล้วได้ข้อมูลมาแค่นี้​ ควรเอาเวลาไปเก็บของออกจากกระกระทรวงจะดีกว่า​ โดยนายณัฐชา​ กล่าวว่าข้อมูลที่ได้นำมาอภิปรายมีการนำเสนอข่าวอย่างชัดเจน