ร้อง กกต.สอบ “เลือกตั้งซ่อม” ลำปาง อ้างมีการหาเสียงด้วยงานรื่นเริง

ร้อง กกต.สอบ “เลือกตั้งซ่อม” ลำปาง อ้างมีการหาเสียงด้วยงานรื่นเริง

“วัฒนา สิทธิวัง-ศรีสุวรรณ” ลุยร้อง กกต.สอบ “หัวหน้าพรรคดัง” จัดงานรื่นเริงหาเสียงช่วง "เลือกตั้งซ่อม" ลำปาง ส่อไม่สุจริตเที่ยงธรรม ชี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย ต้องสั่งเลือกตั้งใหม่

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.ลำปาง นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครส.ส.เบอร์ 3 พรรคเศรษฐกิจไทย เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ลำปาง เข้ายื่นคำร้องต่อนายทองเนตร ดูใจ ผู้อำนวยการ กกต.ลำปาง เพื่อขอให้ตรวจสอบผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส เขต4 ลำปางเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ส่อเป็นไปอย่างไม่สุจริตเที่ยงธรรม อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561

โดยนายวัฒนา กล่าวว่า เนื่องจากได้มีผู้มาแจ้งเบาะแสและได้มอบหลักฐานปรากฎชัดเจนว่า เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 73 (3) ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 กรณีทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งหากผิดจริงจะมีความผิดตาม มาตรา 159 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท-2แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ตนจึงได้รวบรวมหลักฐานเบื้องต้นมามอบให้ กกต.ตรวจสอบตามขั้นตอน ก่อนที่จะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้ผลการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย

เช่นเดียวกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กกต.กลาง เพื่อให้ทราบเบาะแส และพยานหลักฐาน เป็นคลิปวิดีโอจำนวน 2 คลิป และภาพถ่ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ลำปาง เขต 4 เนื่องจากมีหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อดังทำการร้องเพลงกับทีมงานรณรงค์หาเสียงในร้านอาหารริมแม่น้ำวัง โดยทำสัญลักษณ์ชูหนึ่งนิ้ว ตรงกับหมายเลขของผู้สมัคร รวมทั้งมีการแจกบัตรย้ำเบอร์ให้กับนักดนตรี และบุคคลที่มาร่วมงาน โดยการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (3) ที่ห้ามโฆษณาหาเสียงด้วยวิธีการใดๆ รวมทั้งการรื่นเริง ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ กกต.ประกาศให้มีการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ซึ่งการกระทำของหัวหน้าพรรค และผู้ร่วมหาเสียงจึงเข้าข่ายกระทำ ทั้งนี้ถ้าหาก กกต.วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิด ก็จะมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงระงับสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

“ผมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จึงได้นำพยานหลักฐานทั้งคลิปวิดีโอ และภาพถ่าย มาร้องให้ กกต.ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว

เมื่อถามว่าการยื่นร้องในครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้งผู้ได้รับการเลือกตั้งเพื่อให้เปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คลิปที่นำมายื่น กกต.ในครั้งนี้มีความชัดเจน แต่จะนำไปสู่การวินิจฉัยของ กกต. และให้ใบเหลืองใบแดงหรือไม่นั้น อันนั้นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของตน แต่ตนต้องการให้ไปดำเนินการเอาผิด กับผู้ที่มารณรงค์ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้ง พรรคการเมืองหรือว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด เพราะคลิปมันฟ้องด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะหากเป็นการกลั่นแกล้งก็จะเป็นการสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นมาและมาร้องต่อ กกต.

ส่วนกรณีการร้องเรียนครั้งนี้จะนำไปสู่การที่ กกต.สั่งให้เลือกตั้งใหม่หรือไม่นั้น หาก กกต.นอกจากจะวินิจฉัยว่าเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลแล้ว จะก้าวล่วงไปถึงผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นว่าเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งก็แน่นอนว่า กกต.มีสิทธิจะให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบส้มก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย ทั้งนี้หากการกระทำของหัวหน้าพรรคไม่ถูกกฎหมาย ส.ส. ก็อาจจะเกี่ยวโยงไปถึงผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต อาจจะเป็นเหตุให้ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้