แกะรอยว่าที่ “นายกฯ อนุทิน” ไม้สอง “ประยุทธ์” ติดหล่ม

แกะรอยว่าที่ “นายกฯ อนุทิน” ไม้สอง “ประยุทธ์” ติดหล่ม

คุณสมบัติอย่างหนึ่งของคนที่จะมาเป็นนายกฯ คือ ต้องคุมกองทัพได้ เมื่อปี 2561 ปรากฎชื่อ “อนุทิน” เข้าเรียนวปอ.61หาคอนเนกชั่น วางรากฐาน สานสัมพันธ์กับคนในกองทัพ

เป็นกระแสกล่าวขานกันมาระยะหนึ่งแล้วในแวดวงของกองทัพ ถึงออร่าของ “เสี่ยหนูอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่ามีโอกาสสูง ที่จะได้ขึ้นแท่น “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไป หาก พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข็นไม่ขึ้นจริงๆ

กระแสขาลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภาวะตกต่ำของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กลายเป็นปัญหาหนักใจ “หัวหน้าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม้พยายามปลุกกระแส โปรโมตผลงาน ด้วยการเดินสายโรดโชว์ 10 เวทีทั่วประเทศ กับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ประมาณครึ่งปี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา

โดยเฉพาะอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะโดนขย่มซ้ำในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 

ก็เชื่อกันว่า แม้ “ฝ่ายค้าน” จะล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่สามารถ “ดิสเครดิต” หวังผลต่อการเลือกตั้งสมัยหน้า ทั้งปัญหาเก่า-ปัญหาใหม่ ที่ประเดประดังเข้ามา รวมถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะครบวาระเดือน ส.ค.2565 นี้

แน่นอนว่า หลังเสร็จสิ้นประชุมเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เดือน ธ.ค.นี้ ทั้ง 2 ป. “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร” อาจต้องประเมินสถานการณ์กันอีกรอบ แม้จะมี 250 เสียงจากวุฒิสภา(ส.ว.)อยู่ในมือ ซึ่งมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ แต่ก็ต้องเช็คคะแนนนิยมจากประชาชน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกลงจากหลังเสือ หรือขี่เสือลุยต่อ

บิ๊กทหาร” หลายคนเอ่ยชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่จะมารับไม้ต่อ โดยชี้ให้เห็นว่า คุณสมบัติอย่างหนึ่งของคนที่จะมาเป็นนายกฯ คือ ต้องคุมกองทัพได้ 

 เมื่อปี 2561 ปรากฎชื่อ “อนุทิน” เข้าเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 61 (วปอ.61) หาคอนเนกชั่น วางรากฐาน สานสัมพันธ์กับคนในกองทัพ

สำหรับรายชื่อนักศึกษา วปอ.รุ่น 61 ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ปี 2561 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี ลงนาม จำนวน 284 นาย ส่วนใหญ่เป็นนายทหารจากทุกเหล่าทัพ ตำรวจ ข้าราชการ พลเรือน นักการเมือง นักธุรกิจ ภาคเอกชน และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ

โดยเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 ของ “เสี่ยหนู” ล้วนไม่ธรรมดา เพราะมีทั้ง “แคนดิเดต” ที่จะก้าวขึ้นตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ แม่ทัพ นายกอง ที่ผ่านหลักสูตรนายทหารสัญญาบัตร หน่วยทหารรักษาพระองค์ และทำหน้าที่ในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) หรือ ทหาร ฉก.คอแดง กุมกำลังหลักหลายคน

ทั้ง “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) ที่จะก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่จะเกษียณปี 2566 

“บิ๊กโต” พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวลาง แม่ทัพภาคที่ 1 “บิ๊กเล็ก” พล.ท.ปิยะพงษ์ กลิ่นพันธ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อดีตทีมโฆษก คสช.

นอกจากนี้ ยังมี “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม แคนดิเดต ปลัดกลาโหม “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผู้ช่วย ผบ.ทร.) ตัวเต็งชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. ในปีนี้ และแคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ น้องชาย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะอยู่ระหว่างการชิงความได้เปรียบทางการเมือง ทั้งการลงพื้นที่ถี่ยิบของ พล.อ.ประยุทธ์ การโปรโมตผลงานพรรคพลังประชารัฐทั่วประเทศ ที่เปรียบเสมือนสิ่งการันตีแล้วว่าจะเดินหน้าสู้ต่อ

ทว่า จุดพลิกผันที่น่าสนใจคือ ผลพวงจากการลงมติในกฏหมายลูก ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คว่ำสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยวิธีหาร 100 กลับไปใช้สูตรหาร 500 จะกลายเป็นแรงเหวี่ยงใส่ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด

ดังนั้น สถานการณ์นับจากนี้จะเป็นตัวชี้วัด หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปไม่รอด เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอาจตกเป็นของ “อนุทิน” เร็วกว่าที่ฝัน