สมบัติ 927 ล. อาณาจักรธุรกิจ-การเมือง “เทพไท เสนพงศ์” คุก 2 ปีคดีโกงเลือกตั้ง

สมบัติ 927 ล. อาณาจักรธุรกิจ-การเมือง “เทพไท เสนพงศ์” คุก 2 ปีคดีโกงเลือกตั้ง

ส่องสมบัติ 927 ล้านบาท ผ่าอาณาจักรการเมือง-ธุรกิจ “เทพไท เสนพงศ์” บ้านใหญ่ “เมืองคอน” ก่อนโดนศาลฎีกาพิพากษาคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ

กลายเป็นอีกหนึ่งนักการเมือง “รุ่นเก๋า” แห่ง “เมืองคอน” สำหรับ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมกับ “น้องชาย” มาโนช เสนพงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช คดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557

สำหรับตระกูล “เสนพงศ์” ถือเป็น “บ้านใหญ่” แห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช เพราะนอกจาก “เทพไท” ดำรงตำแหน่ง ส.ส.มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2544 และไม่เคย “สอบตก” ขณะที่บรรดา “พี่น้อง” ตระกูล “เสนพงศ์” ต่างเป็น “นักการเมืองท้องถิ่น” ในจังหวัดติดต่อกันหลายสมัยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนายก อบจ.นครศรีฯ นายกเทศมนตรีเมืองนครศรีฯ เป็นต้น

ประวัติส่วนตัว “เทพไท” หรือ “คึก” มีเชื้อสาย “ตูนิเซีย” จากทางบิดา สมรสกับ น.ส.พอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ ลูกสาว พ.อ.(พิเศษ) พล เริงประเสริฐวิทย์ อดีตนักการเมืองดัง อดีต ส.ส.อุทัยธานี 6 สมัย อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และนักธุรกิจชื่อดังหลักพันล้านบาท 

“เทพไท” เข้าสู่ถนนการเมืองด้วยการเป็น “มือขวา” ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ลายคราม “เมืองคอน” ตั้งแต่อยู่พรรคพลังธรรม กระทั่งมาเป็นเลขานุการรัฐมนตรี เมื่อครั้ง “ชำนิ” นั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย ระหว่างปี 2535-2537 ก่อนที่ “ชำนิ” ย้ายมาพรรค ปชป. “เทพไท” ก็ตามมาด้วย กระทั่งถูกส่งเลือกตั้งครั้งแรกในสีเสื้อ ปชป.เมื่อปี 2544 และชนะการเลือกตั้งเรื่อยมา ไม่เคยสอบตก

ขณะเดียวกัน “เทพไท” ยังมีความคุ้นเคยด้านการ “ทำสื่อ” เพราะก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน จ.นครศรีธรรมราช และเคยเป็นพิธีกรในรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “บลูสกาย” (ปัจจุบันรายการนี้ยุติไปแล้ว) ด้วย

ในมุมทรัพย์สิน “เทพไท เสนพงศ์” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2564 ภายหลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง กรณีถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกคดีดังกล่าวว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 927,284,826 บาท ไม่มีหนี้สิน 

โดยเป็นทรัพย์สินของนายเทพไท 93,455,583 บาท เป็นทรัพย์สินของ น.ส.พอเพ็ญ คู่สมรส 832,012,138 บาท และทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,817,104 บาท

ในมุมธุรกิจ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2565 “เทพไท” เคยเป็นกรรมการ และหุ้นส่วนผู้จัดการในบริษัท/หจก. รวม 3 แห่ง แต่ปัจจุบันแจ้ง “เสร็จชำระบัญชี” ไปหมดแล้ว ได้แก่ บริษัท คนคอน จำกัด ทำธุรกิจการซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์, บริษัท บาบูอุตสาหกรรม จำกัด ทำธุรกิจโรงงานปลาป่น, หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช ทำธุรกิจขายปลีกหนังสือพิมพ์วารสารและนิตยสาร

ส่วน น.ส.พอเพ็ญ คู่สมรส เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 3 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ 

1.บริษัท ธารธัช จำกัด ทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2564 มีรายได้รวม 126,972 บาท รายจ่ายรวม 332,942 บาท ขาดทุนสุทธิ 205,969 บาท

2.บริษัท ศรีเอเชียกรุงเทพรวมกิจ จำกัด ทำธุรกิจการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของ ตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2564 ไม่มีรายได้ มีรายจ่าย 3,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,000 บาท

ส่วนอีกแห่งหนึ่งถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” คือบริษัท ศรีเพชรรวมกิจ จำกัด ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัด ประเภทไว้ในที่อื่น

คนในตระกูล ‘เสนพงศ์’ ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อีกอย่างน้อย 15 แห่งเท่าที่ตรวจสอบพบ

เปิดดำเนินกิจการอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ หจก.วณิธนา (นางประยูร เสนพงศ์) บริษัท เชอริช (ประเทศไทย) จำกัด (น.ส.กัลยณัฏฐ์ เสนพงศ์, นายณธายุ เสนพงศ์) บริษัท บีเฟม จำกัด บริษัท รมย์วารี เวลเนส แอนด์ สปา จำกัด (น.ส.ภัทริยา เสนพงศ์) บริษัท เขาเต่า เบย์วิว รีสอร์ท จำกัด หจก.นคร แอนด์ นคร (นายธัญญา เสนพงศ์) และ หจก.เอส พี 2015 (นายสุเชาว์ เสนพงศ์)

ส่วนธุรกิจที่เสร็จชำระบัญชีไปแล้วอย่างน้อย 8 แห่ง ได้แก่ หจก.มั่งมีก่อสร้าง หจก.สยาม โปรเฟชชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง บริษัท แองเจิล อินทิเรียร์ แอนด์ อาร์คิเทค จำกัด หจก.ทักษิวงศ์ หจก.เค มิลเลียนแนร์ กรุ๊ป หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช บริษัท บาบู อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท คนคอน จำกัด