"ชัชชาติ" เผย แก้ปม สายสีเขียว คืบ ทุกอย่างเริ่มชัด รับ อยากเปิดเผยสัญญา

"ชัชชาติ" เผย แก้ปม สายสีเขียว คืบ ทุกอย่างเริ่มชัด รับ อยากเปิดเผยสัญญา

"ชัชชาติ" เผย สางปม "รถไฟฟ้าฟ้าสายสีเขียว" คืบหน้า รู้จุดปัญหา ทุกอย่างเริ่มชัด เชื่อ ไม่นานชง "ครม." รับ อยากเปิดสัญญาให้ปชช. ทราบ อาศัย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ชี้ ค่าใช้จ่าย เป็นตัวเลขที่ใช้พิจารณาค่าโดยสาร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า คืบหน้าไปพอสมควร เพราะเราได้รู้ประเด็นแล้วว่าจุดไหนมีปัญหา และต้องลงในรายละเอียดระหว่างกรุงเทพธนาคมกับบริษัทเอกชน ที่จะต้องเจรจาว่าสามารถลดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนกทม.เองก็ต้องดูเรื่องหนี้เป็นหลักตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าจะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ได้ก่อน 

นายชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนของหนี้มี 3 ส่วน คือ 1.หนี้ระหว่างกทม.กับรัฐ ตรงนี้ไม่ได้กังวลมากเพราะถึงอย่างไรก็กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา 2.หนี้ค่างานติดตั้งระบบเดินรถ และ3.หนี้ค่าเดินรถโดยเฉพาะในส่วนสัญญาที่ 2 ต้องดูว่าสัญญาครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องทำให้ครบเสียก่อนที่จะเริ่มจ่ายหนี้ เราก็ต้องเอาให้ชัดเจนทำอย่างตรงไปตรงมา และต้องไปดูเรื่องสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 72-85 

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนอยากเปิดเผยให้ประชาชนทราบ แต่ต้องเอาเรื่องกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากในสัญญาเขียนไว้ว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะ เว้นแต่กฎหมายบังคับ และบังเอิญว่าองค์กรผู้บริโภคขอมาแล้วจะเอาตรงนี้เป็นจุดที่จะบอกว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ โดยจะอ้างอิงจากพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ถ้าข้อมูลใดที่ประชาชนขอมา ให้ได้ก็ต้องให้เพราะประชาชนเป็นเจ้าของเงินที่เราต้องจ่ายเอกชนอยู่แล้ว เป็นเงินภาษีประชาชน และถ้าเปิดเผยได้จะสรุปให้เสร็จเลยว่า ค่าใช้จ่ายการเดินรถเป็นเท่าไหร่ การเปิดเผยดังกล่าวคงไม่ต้องหารือกระทรวงมหาดไทยเนื่องจากเป็นสัญญาระหว่าง กทม.คือกรุงเทพธนาคม กับเอกชน 

เมื่อถามว่า หากจะเปิดข้อมูลต้องให้คู่สัญญายินยอมด้วยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงต้องปรึกษากันอีกครั้ง เพราะคู่สัญญาของกทม.ไม่ใช่บริษัทเอกชน เราต้องถามกรุงเทพธนาคมก่อนแล้วกรุงเทพธนาคมกับคู่สัญญาก็ไปว่ากันอีกที เพราะเราก็ขอเอกสารในฐานะผู้ถือหุ้นของกรุงเทพธนาคม เราขอเอกสารในนามผู้ถือหุ้น การเซ็นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างกรุงเทพธนาคม กับเอกชน ไม่ใช่กทม.เป็นคนเซ็น แต่เราต้องรับผิดชอบ จึงต้องดูให้ละเอียดและได้สรุปตัวเลข และค่าใช้จ่ายไว้แล้ว เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นตัวเลขที่นำมาพิจารณาเรื่องค่าโดยสาร เราต้องเก็บค่าโดยสารให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เรามีสัญญากับเอกชนไว้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญ เราจะบอกว่าค่าโดยสารจะ 20 บาท หรือ 30 บาท สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องจ่ายเขาเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ 

เมื่อถามว่า จะใช้เวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะเคลียร์ตรงนี้ได้ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะเรื่องนี้เริ่มปี 2572-2585 ยังมีเวลา ยกเว้นส่วนที่เดินรถในปัจจุบันคือส่วนหนึ่งและส่วนสอง ส่วนหนึ่งคงแก้ไขอะไรได้ยากเพราะมีสัญญาระหว่าง กทม.กับกรุงเทพธนาคม และ กรุงเทพธนาคม กับเอกชน แต่ส่วนสอง เรามอบหมาย กรุงเทพธนาคม แล้วกรุงเทพธนาคมไปจ้างเอกชน ก็ต้องมาดูความเชื่อมโยงว่าครบถ้วนหรือไม่ เรื่องเวลาจึงไม่ใช่เงื่อนไข เวลามีเงื่อนเดียวคือเรื่องหนี้เพราะเป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยเดินอยู่แต่เรื่องสัญญาเดินรถ จริงๆแล้วหัวใจคือสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 72-85 ยังมีเวลาอีก 6-7 ปี 

เมื่อถามว่า เรื่องรถไฟฟ้าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เมื่อใด นายชัชชาติ กล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่ครม.แต่ทางเราก็ต้องให้ความเห็นประกอบไป เชื่อว่าอีกไม่นานเพราะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้วเพราะทำงานมา 1 เดือนแล้ว 

เมื่อถามว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เคยระบุว่ามีความหนักใจตอนนี้เบาใจขึ้นบ้างหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่หนักใจคือหนักใจว่าภาระตกไปที่ประชาชน เพราะมีเงื่อนของการเซ็นสัญญาอยู่แล้วจะเป็นอย่างไรจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนเพราะบางอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่สัญญาเซ็นไปแล้วก็จะมีขบวนการของกฎหมายอยู่ว่าจะทำอย่างไร