แก้กฎหมายลูก-ศึกซักฟอก  2 ตัววัด “รัฐบาล” เปลี่ยนขั้ว ?

แก้กฎหมายลูก-ศึกซักฟอก   2 ตัววัด “รัฐบาล” เปลี่ยนขั้ว ?

เดือนกรกฎาคม ต้องจับตาเวทีรัฐสภา เพราะมี2ความเคลื่อนไหวที่เชื่อมสัมพันธ์ ถึง อนาคตของ "รัฐบาล-บิ๊กตู่" ทั้งการแก้ไข พ.ร.ป.เลือกตั้ง และ อภิปรายไม่ไว้วางใจ

           กรกฏาคม 2565 นี้ เวทีการเมืองในสภาฯ มี 2 ความเคลื่อนไหวใหญ่ ให้ต้องจับตา

 

           ความเคลื่อนไหวแรก คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ต้องใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 2 ฉบับ ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ.... ในวันที่ 5 - 6 กรกฏาคมนี้จะพิจารณาในวาระสองและวาระสาม

 

           ส่วนความเคลื่อนไหวที่สอง คือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอ เบื้องต้นฝั่งรัฐบาลแสดงความพร้อม และเสนอวันอภิปราย 4 วัน คือวันที่ 19 - 22 กรกฏาคม และลงมติในวันที่ 23 กรกฏาคม

 

           ทั้ง 2 ความเคลื่อนไหวนี้ แม้จะเป็นคนละเรื่อง แต่มีเหตุที่สัมพันธ์กับ "เกมเปลี่ยนตัว-ขั้วอำนาจ”

 

           ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ คือการเคลื่อนไหวของ "กลุ่มพรรคเล็ก” ทั้งขั้วของ “พิเชษฐ สถิรชวาล - พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ในนามกลุ่ม 16 ซึ่งกลุ่มนี้มีเงาของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ทาบอยู่เบื้องหลัง 

 

           รวมทั้งขั้วของ “หมอระวี มาศฉมาดล” หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่ต้องการให้ “สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ”​ ตาม ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. คงเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่วางหลัก การันตีทุกเสียงของประชาชนไม่ตกน้ำ และให้โอกาสพรรคทางเลือก พรรคคนตัวเล็ก ได้ ส.ส. เข้าสภา จากการใช้สูตรคำนวณแบบพึงมี ใช้จำนวน ส.ส. 500 คน หาค่าเฉลี่ยแทน "สูตรหาร 100” ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอต่อรัฐสภา

 

           ล่าสุด กลุ่มหมอระวี ส่ง “ปรีดา บุญเพลิง” หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ยื่นข้อเสนอของพรรคเล็ก ว่าด้วยสูตรหาร 500 ต่อ “บิ๊กป้อม” ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ของรัฐบาล ที่บ้านพักในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เมื่อเย็นวันที่ 28 มิถุนายน

 

แก้กฎหมายลูก-ศึกซักฟอก   2 ตัววัด “รัฐบาล” เปลี่ยนขั้ว ?

           ทว่า คำตอบที่ได้รับ ไม่เป็นไปตามที่พรรคเล็กต้องการให้ “บิ๊กป้อม” รับฟังข้อเรียกร้อง  ส่งต่อไปยัง “ส.ส.” ในสภาฯ ให้สนับสนุน

 

           สำหรับคำตอบที่ “ประวิตร” มีให้ คือไล่พรรคเล็กไปคุยกับวิปเอาเอง และส่วนตัวเห็นตามกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากที่พิจารณาใช้ สูตร 100 คน

 

           ถือเป็นคำพูดที่ “พรรคปัดเศษ” ต้องสะเทือน เพราะเท่ากับตัดโอกาส แถมผลักพรรคเล็กไปสู่การสูญพันธุ์หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

           ผลกระทบนี้ ไม่ได้มีเฉพาะพรรคเล็กปัดเศษเท่านั้น ยังมีพรรคขนาดกลาง และพรรคเก่าแก่ ที่อาจเสียประโยชน์จากสูตรคำนวณด้วย 100 คนหารนี้

 

           ในเมื่อ “สูตร 500” ที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้คุมเสียงรัฐบาล ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือ เสียงสนับสนุน “รัฐบาล” ในสภาฯ อาจแตกแถวมากกว่าเดิม

           ตามที่ “พิเชษฐ” หัวหน้ากลุ่ม 16 ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า “เสียงสนับสนุนรัฐบาลอาจผันแปรไปตามกติกาเลือกตั้งที่เรียกร้อง” แม้จะไม่ให้คำตอบชัดเจนว่า จะหมายถึงการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในศึกซักฟอกรอบนี้หรือไม่

 

           ท่าทีของกลุ่ม16 ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในหลายกรรม หลายวาระ จนเกิดเป็นเงื่อนไข สร้างการต่อรองทางการเมือง บวกกับท่าทีของ “ร.อ.ธรรมนัส” ล่าสุดที่ออกอาการชัดเจนว่าจะ “ยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ทุจริต ทำงานบกพร่องและผิดจริยธรรม”

แก้กฎหมายลูก-ศึกซักฟอก   2 ตัววัด “รัฐบาล” เปลี่ยนขั้ว ?

           รวมถึงการสาวหมัดไปหา “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ “ธรรมนัส” มองว่า ไม่ว่าผลลงมติไม่ไว้วางใจ จะไม่ถึงขั้นให้พ้นจาากตำแหน่ง แต่ฐานะผู้นำรัฐบาล ควรแสดงความรับผิดชอบ

 

           สำหรับเสียงโหวตไม่ไว้วางใจที่ 11 รัฐมนตรีจะผ่านด่านไปได้ คือต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาฯ       

 

           ปัจจุบันสภาฯมี ส.ส.ทั้งหมด 477 คน กึ่งหนึ่งเท่ากับ 239 เสียง ดังนั้น “ฝ่ายค้าน” ต้องระดมให้ได้ 240 เสียงขึ้นไป ถึงจะเขี่ยรัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่งได้

 

           ขณะนี้ “พรรคฝ่ายค้าน” มีเสียงที่แน่นอนแล้วว่า จะมีคะแนนไม่ไว้วางใจจำนวน 182 เสียง ตามผู้ที่ลงนามเสนอญัตติ ขณะที่อีก 58 เสียงนั้น คาดว่าจะได้จากกลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส ผสมกลุ่ม 16” ที่ประกาศว่ามี ส.ส.ในมือ 33 เสียง 

 

           ส่วนที่ยังต้องการอีก 25 เสียง ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากพรรคการเมือง หากพรรคร่วมรัฐบาลที่สะสมความอึดอัด สามัคคีกันยกมือโหวตคว่ำ “พล.อ.ประยุทธ์” เพื่อเปลี่ยนตัวผู้นำใหม่ที่ดีกว่า มาแก้วิกฤติ ฟื้นศรัทธาประชาชนในระยะเปลี่ยนผ่าน ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่จะมาถึง.