“ปิยบุตร” โดน ม.112 ลั่น “ปฏิรูปสถาบัน” เพื่อต้องการให้อยู่รอด ลุยรณรงค์ต่อ

“ปิยบุตร” โดน ม.112 ลั่น “ปฏิรูปสถาบัน” เพื่อต้องการให้อยู่รอด ลุยรณรงค์ต่อ

“ปิยบุตร” โพสต์ถูก สน.ดุสิต ออกหมายเรียกคดี ม.112 เผยเพิ่งโดนครั้งแรก ลั่นที่ผ่านมาต้องการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ให้อยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัย ไม่มีสักครั้งเดียวที่ต้องการเป็น “สาธารณรัฐ” ยันหยุดความคิดไม่ได้ จะเดินหน้ารณรงค์เรียกร้องต่อ

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2565 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Piyabutr Saengkanonkul แจ้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดุสิต ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ให้ตนไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนี้ ร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพะยอม ลงนามออกหมายเรียกโดย พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน. ดุสิต โดยหมายเรียกดังกล่าวให้ไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. แต่เนื่องจากตนและทนายความติดภารกิจ จึงขอเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. เวลา 10.00 น.

“ผมนำเสนอความเห็นทางวิชาการ เขียน อภิปราย เกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและระดับพระราชบัญญัติมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ตลอดเวลามากกว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการแสดงความเห็น การเขียน การพูดของผมครั้งใดที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน” นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร ระบุอีกว่า ตนแสดงความเห็นในเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็ด้วยจิตสำนึกและเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย เพื่อรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปกำลังเผชิญกับความท้าทายของยุคสมัย ไม่มีความเห็นใดที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีความเห็นใดที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีแต่ความเห็นที่ปรารถนาดีต่อสังคมไทย ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ทำให้ทุกคนทุกรุ่นทุกวัย ทุกความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ โดยยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้ต่อไป
 
“ตลอดชีวิตของผม ไม่เคยเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมือง ผมจึงได้เป็นผู้ต้องหาครั้งแรกในคดีดูหมิ่นศาล และความผิดอาญาทางคอมพิวเตอร์ และเป็นจำเลยครั้งแรกในคดีความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะและความผิดฐาน “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ในส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ กลายเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานนี้ ไม่ต้องคิดอย่างสลับซับซ้อนก็คงตอบได้ว่า สถานะผู้ต้องหาและจำเลยในคดีเหล่านี้ ผมได้มาก็เพราะสัมพันธ์กับบทบาททางการเมือง” นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร ระบุอีกว่า บรรดา “นักร้อง” Hyper Royalist/Ultra Royalist ฟ้องตนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะต้องการหยุดไม่ให้พูด แต่หยุดไม่ได้หรอก จะเดินหน้าแสดงความเห็นทางวิชาการ รณรงค์ข้อเสนอต่าง ๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าความเห็นและข้อเสนอแบบตนต่างหากที่จะช่วยรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พฤติกรรมของพวกเขาต่างหากที่จะผลักดันสังคมไทยไปถึงทางตัน และไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ โดยจะไปพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ สน. ดุสิต ในวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. นี้ เวลา 10.00 น.

“ปิยบุตร” โดน ม.112 ลั่น “ปฏิรูปสถาบัน” เพื่อต้องการให้อยู่รอด ลุยรณรงค์ต่อ