"ทนายเดชา"ร้อง "เสรีพิศุทธ์" สอบจริยธรรมร้ายแรง"เต้ มงคลกิตติ์"

"ทนายเดชา"ร้อง "เสรีพิศุทธ์" สอบจริยธรรมร้ายแรง"เต้ มงคลกิตติ์"

ทนายเดชา ร้อง เสรีพิศุทธ์ สอบจริยธรรมร้ายแรง “มงคลกิตติ์” โทรศัพท์ข่มขู่ทำร้าย แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมคดีแตงโม รับยังห่วงแม่แตงโม จะมีความผิดด้วย

นายเดชา กิตติวิทยานันท์  ทนายความเข้ายื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบจริยธรรมร้ายแรง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีโทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะกระทืบตน และระบุว่า ส.ส.ไม่ชอบใช้วิธีการตามกฎหมาย แต่ใช้วิธีการนอกระบบ พร้อมขู่ว่าหากตนไม่หยุดพูดจะส่งไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วจะไม่ได้กลับมา ซึ่งหมายความว่าตนต้องตายเพียงอย่างเดียว 

 

รวมถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ โพสต์เฟสบุ๊คจะให้เลขาธิการของพรรค ไปแจ้งความในพื้นที่ต่างๆ เช่น ภูเก็ต นราธิวาส มหาสารคาม ทั้งที่เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร เพื่อต้องการให้ตนมีความลำบาก ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต เป็นการกลั่นแกล้งตนเอง ทั้งที่ ส.ส.มีหน้าที่ประชุมสภา แต่วันๆ ก็ไปงมหามีด เห็นท่อนไม้ก็บอกว่าเป็นแตงโม แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของตำรวจ ในขณะที่อัยการกำลังจะสั่งฟ้อง ก็ไปตั้งพรรคพวกอ้างว่ามี 30-40 คน อ้างอดีตผู้พิพากษา มาตรวจสอบการทำงานของตำรวจและอัยการ ถือเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม คนแบบนี้เขาเรียกว่า ส.ส.มาเฟีย ใครกัดหูหน่อยก็จะกระทืบ ซึ่งคนแบบนี้ไม่ควรจะเป็นส.ส.อีกต่อไป ตนจะทำทุกอย่างให้ผลจากความเป็น ส.ส. และคนที่จะสามารถจัดการนายมงคลกิตติ์ได้ มีคนเดียวคือ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เท่านั้น

นายเดชา ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ ไม่กล้าลงสัตยาบันเป็นลายลักษณ์อักษร หากนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือแม่ของแตงโม ถูกฟ้องกลับ เพราะนายมงคลกิตติ์ ต้องร่วมรับผิดหากมีการฟ้องเท็จ พร้อมตั้งคำถามว่านายมงคลกิตติ์ เป็น ส.ส. แต่ทำตัวเป็นเหมือนหัวหน้าสำนักงานทนายความได้หรือไม่ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการไม่ลงชื่อแสดงว่ามีความกลัว ฟ้องไปแล้วอาจไม่ชนะ สุดท้ายแม่ของแตงโมจะโดนฟ้องกลับเพียงคนเดียว พร้อมยอมรับว่าเป็นห่วงแม่แตงโม ซึ่งหากยังอยู่กับนายมงคลกิตติ์อาจโดนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรไปด้วย

ด้าน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวได้เห็นว่านายมงคลกิตติ์ ได้พูดจาข่มขู่ทนายเดชา ขู่จะฟ้อง ขู่จะเอาชีวิต ตนจึงได้เชิญคณะกรรมาธิการมารับฟังปัญหา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับนายเดชาในเรื่องนี้ สำหรับพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ ไม่ใช่ผิดจริยธรรมเพียงอย่างเดียว แต่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย ในมาตรา 309 ผู้ใดพูดจาข่มขู่ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนของประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี และมีความผิดในมาตรา 209 ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร จากคำพูดที่บอกว่ามีพวกเยอะ อย่าให้พวกของผมจัดการ ซึ่งก็เกิน 10 คนขึ้นไป มีโทษจำคุก 7 ปี และมาตราที่สำคัญคือมาตรา 157 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมีโทษหนัก

ดังนั้นพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย จริยธรรม และผิดรัฐธรรมนูญ ตนจจะเร่งสอบสวนและส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ทั้งความผิดอาญาและจริยธรรม  ซึ่งตนในฐานะที่ตนเป็น ส.ส. ต้องขอโทษนายเดชา ที่เพื่อน ส.ส.ของเราประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่ขอให้ไว้วางใจได้ว่า ส.ส.ทุกคนไม่ได้เป็นแบบนี้ มีอยู่ไม่กี่คนในสภา