"แม่แตงโม" เคลียร์ใจพร้อมขอโทษ "หมอพรทิพย์"

"แม่แตงโม" เคลียร์ใจพร้อมขอโทษ "หมอพรทิพย์"

"กมธ.สิทธิมนุษยชน" ปฏิเสธมอบพัสดุ จาก "บังแจ็ค" ให้ "แม่แตงโม" จ่อส่งต่อให้ "อัยการ" ด้าน "แม่แตงโม" เคลียร์ใจและขอโทษ "หมอพรทิพย์"

         นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของน.ส.นิดา พัชรวีรพงษ์ หรือแตงโม เข้ายื่นหนังสือถึงนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอรับวัตถุพยานจากกมธ.ไปส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตรวจสอบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บังแจ็ค ส่งมาให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ฐานะกมธ.สิทธิมนุษยชนฯ

 

         ทั้งนี้นายสมชาย กล่าวปฏิเสธมอบพัสดุลดังกล่าวให้กับนางภนิดา เนื่องจากไม่ได้ระบุชื่อของนางภนิดา พร้อมกล่าวว่า  พญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้รับพัสดุดังกล่าวและเสนอให้กมธ.พิจารณาว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติรับพัสดุห่อดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ทราบว่าพัสดุดังกล่าวเป็นอะไร เนื่องจากไม่ได้แกะห่อ สำหรับผู้ส่งระบุชื่อภาษาอังกฤษว่า   Sukmak Kanlaya DA ส่งมาจากสหรัฐอเมริกา 

 

             "เมื่อได้รับพัสดุแล้วก็ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าได้สรุปปิดสำนวนคดีไปแล้ว และขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนของอัยการ กมธ.จึงทำหนังสือส่งให้อัยการแต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ทั้งนี้ เราอยากให้เปิดพัสดุดังกล่าวในที่ประชุมของกมธ. โดยเชิญอัยการมาดูหรืออาจส่งไปที่อัยการ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร และจะเป็นวัตถุพยานสำคัญหรือไม่ ถ้ามีส่วนสำคัญอัยการจะไปตรวจสอบต่อ และกมธ.ขอทำหน้าที่ต่อไป ส่วนวัตถุในห่อกมธ.จะยังไม่เปิดจนกว่าอัยการจะตอบเรื่องกลับมา" นายสมชาย กล่าว

         ด้านนางภนิดา สอบถามนายสมชายว่า จะเก็บพัสดุดังกล่าวไว้ที่กมธ.นานแค่ไหน

 

         โดยนายสมชาย กล่าวว่า นี่ก็เก็บไว้มานาน 27 วันแล้ว ยังไม่ได้เปิด ซึ่งต้องรอคำตอบจากอัยการก่อน เพราะกมธ.ไม่มีหน้าที่ส่งให้คนนอก นอกจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากมธ.พยายามทำตามอำนาจหน้าที่ของเราอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้รับพัสดุมาก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เก็บอมพะนำอะไรไว้เลย แต่ทางตำรวจให้เหตุผลว่าสรุปสำนวนส่งอัยการไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบจากอัยการ จึงขอให้รออีกนิด ถ้าอัยการมารับเองก็จะมีการบันทึกเทปตอนเปิดพัสดุดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่ถ้าอัยการให้เราส่งไปให้ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามเรื่องดังกล่าวด้วย สำหรับเรื่องการเก็บรักษาพัสดุดังกล่าวนั้น จากนี้จะยังคงเก็บไว้ที่กมธ. เพราะฝ่ายวุฒิสภามีที่เก็บอยู่แล้ว อยู่มา 27 วันแล้ว เชื่อว่าไม่มีปัญหา

        ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงพัสดุดังกล่าวว่า บังแจ็คติดต่อมาที่ตน ตนจึงส่งที่อยู่ในนามกมธ.ให้ แต่พอพัสดุส่งมากลับกลายเป็นระบุชื่อตนเป็นผู้รับ และส่งมาที่สภาฯ สาเหตุที่ต้องเก็บพัสดุดังกล่าวไว้นานถึง 3 สัปดาห์ เพราะไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรต่อ แต่ได้พยายามประสานกับทุกหน่วยงานจนกระทั่งเห็นนางภนิดาเปลี่ยนใจ และเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของแตงโม จึงอยากให้มารับรู้และทำให้ถูกวิธีการ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราดึงเรื่อง แต่เราไม่มีอำนาจหน้าที่ 

 

            จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางภนิดาว่า ภายหลังเห็นห่อพัสดุแล้วรู้สึกอย่างไร นางภนิดา กล่าวว่า "แม่มั่นใจว่ามันจะเป็นสิ่งสำคัญในคดี" จากนั้นนางภนิดาได้ยกมือไหว้และกล่าวต่อว่า "ขอความกรุณาท่านสมชายใช้อำนาจหน้าที่เร่งเรื่องนี้ให้แม่ด้วย" 

 

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างการยื่นหนังสือนางภนิดานั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะติดกับนายมงคลกิตติ์ ขณะที่พญ.คุณหญิงพรทิพย์ นั่งอยู่ท้ายห้องประชุม โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีความบาดหมางเรื่องคดีแตงโมมาก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นหนังสือเสร็จแล้ว นายภนิดาได้เดินไปหลังประชุมพร้อมยกมือไว้พญ.คุณหญิงพรทิพย์ และจับมือกันเพื่อปรับความเข้าใจ

 

 

             ภายหลังการเข้าพบ กมธ. นางภนิดา กล่าวว่า ตนกล่าวขอโทษพญ.คุณหญิงพรทิพย์ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เป็นทนายความ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ค่อยได้พูดและไม่กล้าขัดใจนายเดชา  

 

            ด้านนายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า ตนทราบว่านางภนิดาจะยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เพื่อให้เป็นคดีพิเศษ ขณะนี้รอให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะคณะทำงานร่างหนังสือเสร็จ ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญและส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งสามารถเรียกคดีนี้ว่า แตงโมโมเดล ซึ่งหากคดีนี้ประสบความสำเร็จก็ถือว่าประชาชนช่วยกัน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบกฎหมาย เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน