ศึก“ประยุทธ์”ดวล“ธรรมนัส” เดิมพันชีวิต-เดิมพันการเมือง

ศึก“ประยุทธ์”ดวล“ธรรมนัส” เดิมพันชีวิต-เดิมพันการเมือง

คณิตศาสตร์ทางการเมืองที่ “ขั้วรัฐบาล” มี 246 เสียง “ขั้วฝ่ายค้าน-กลุ่มธรรมนัส” มี 234 เสียง ห่างกันแค่ 8 เสียง โอกาสที่คะแนนเสียงจะสวิงไปมามีสูงลิบ

เกมเดิมพันชีวิตระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม กับ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย เดินเข้าสู่จุดแตกหัก ไม่มีใครยอมงอ มีแต่ต้องพังกันไปข้างหนึ่ง

พลันเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ “ธรรมนัส” เดินเกมฉับไว ด้วยการบีบ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา จนพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ก่อนจะจัดประชุมใหญ่พรรค โดย "ธรรมนัส” พร้อมขึ้นมาบัญชาการ ด้วยการนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยด้วยตัวเอง

จุดแตกหักระหว่าง “พล.อ.วิชญ์” กับ “ธรรมนัส” คือการไม่ลงรอยในการทำงานร่วมกัน ทุกกลเกม-ทุกหมากการเมือง “ธรรมนัส” ขับเคลื่อนด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่มีการรายงานให้ “พล.อ.วิชญ์” รับทราบความเคลื่อนไหว ที่สำคัญยังกระซิบกับบรรดา ส.ส.ว่าแท้จริง “พล.อ.วิชญ์” คือ “ลูกน้อง” ของตัวเอง

เมื่อ ธรรมนัสเลือกเดินสุดทาง ตรงกันข้ามกับ พล.อ.วิชญ์ที่ประคับประคองตัวเอง ธงในการทำงานการเมืองจึงแตกต่างกัน ถึงเวลาต้องแยกทางกันเดิน ปิดตำนาน “พลเอก” ลูกน้อง “ร้อยเอก” ที่คนการเมืองงุนงงในความสัมพันธ์

ย้อนไปตั้งแต่ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 ส.ค. - 4 ก.ย. 2564 การเมืองไทยหมุนรอบธรรมนัส หลังเดินแรงวางเกมโหวตคว่ำนายกฯ “ประยุทธ์” กลางสภา ว่ากันว่า “ธรรมนัส” ได้ไฟเขียวมาจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้าย “ประวิตร” เปลี่ยนใจ หลังหารือ “ประยุทธ์” ทำให้เกมโหวตคว่ำ โดนเท “ประยุทธ์” รักษาเก้าอี้นายกฯเอาไว้ได้

ทว่า จุดเปลี่ยนที่นำไปสู่ความแค้นสุมไฟของธรรมนัส คือการโดนปลดพ้นตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์กลางอากาศ โดยไม่มีการแจ้งให้รู้ก่อน หลังจากนั้นธรรมนัสก็ไม่เก็บงำความแค้น เกิดเกมกวนน้ำให้ขุ่น ปั่นป่วนพรรคพลังประชารัฐ จนเสียทรง เสียคะแนนนิยม

ธรรมนัส ยก 21 ส.ส. ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ที่ตระเตรียมไว้ก่อน โดยมี 18 ส.ส. (หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 คน เหลือ 16 คน) คอยให้การสนับสนุนมาโดยตลอด จนกระทั่งปฏิบัติการปลด “พล.อ.วิชญ์” ก็ได้รับการสนับสนุนจาก กรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย สายตรงที่พร้อมใจกันลาออก เพื่อเปิดทางให้เซ็ตซีโร่พรรคใหม่

เมื่อธรรมนัสปลดแอกจาก พล.อ.วิชญ์ ได้เท่ากับปลดพันธนาการจากพล.อ.ประวิตร แม้จะยังเคารพรัก แต่ในทางการเมือง พล.อ.ประวิตรไม่สามารถสั่งให้ธรรมนัสซ้ายหัน-ขวาหัน ได้อีกต่อไป จากนี้ไปพรรคเศรษฐกิจไทยจะถูกขับเคลื่อนด้วยธรรมนัส เจ้าของพรรค เพียงคนเดียว

ฟันธงได้เลยว่า 16 เสียงของพรรคเศรษฐกิจ พร้อมโหวตสวนร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาล โหวตคว่ำนายกฯ “ประยุทธ์” ในศึกซักฟอกอย่างแน่นอน 

นอกจากนี้ ธรรมนัสยังมี ส.ส.พรรคเล็ก อยู่ในความดูแลอีกกว่า 10 เสียง ทำให้เสียง ส.ส.ในมือมีอยู่ไม่น้อยกว่า 25 เสียง 

สำหรับจำนวน ส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภาได้ในขณะนี้ มีทั้งสิ้น 476 คน แบ่งเป็น “ขั้วรัฐบาล” 242 เสียง “ขั้วฝ่ายค้าน” 209 เสียง บวกรวมกับ “กลุ่มธรรมนัส” อีก 25 เสียง จะทำให้ขั้วฝ่ายค้านมีเสียงในสภา 234 เสียง ซึ่งทำให้เสียง “ขั้วรัฐบาล” มีมากกว่า “ขั้วฝ่ายค้าน” เพียง 8 เสียงเท่านั้น

ยิ่ง "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน อ้าแขนต้อนรับ “กลุ่มธรรมนัส” เข้าร่วมงานกัน ยิ่ง "สุทิน คลังแสง" ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมาขู่จะคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2566 ในการประชุมวาระแรก ยิ่งทำให้ “ประยุทธ์-รัฐบาล” สุ่มเสี่ยงที่จะต้องพ้นจากเก้าอี้ฝ่ายบริหาร

เนื่องจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ถือเป็นกฎหมายการเงิน หากโดนตีตก “รัฐบาล” จะต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกหรือยุบสภา เพราะจะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ฝั่ง “ประยุทธ์” ที่อยู่ในขั้วพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จำเป็นต้องงัดทุกสรรพกำลังออกมาช่วยประคับประคองทั้ง "นายกฯ-รัฐบาล” บรรดา ส.ส.งูเห่า ที่ฝากเลี้ยงไว้ใน “ขั้วฝ่ายค้าน” อาจจำเป็นต้องเรียกใช้บริการกันโดยด่วน

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่มี ส.ส.งูเห่า ฝากเลี้ยงไว้พอสมควร เช่น 3 ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เปิดตัวเตรียมย้ายเข้าไปพรรคภูมิใจไทยแล้ว รวมทั้ง ส.ส.ภาคอีสาน ที่พรรคภูมิใจไทยเคลมว่า มีกว่า 10 เสียง อาจต้องช่วยโหวตในศึกครั้งนี้

ต้องรอติดตามว่า พรรคภูมิใจไทยจะมีกลเม็ดเด็ดดวงอย่างไร เพื่อตัดแต้ม “ขั้วฝ่ายค้าน” ในการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณ โหวตกฎหมายสำคัญ และโหวตศึกซักฟอก เพื่อป้องกัน ส.ส.งูเห่า ให้อยู่ในเซฟโซน แม้จะโหวตให้ “ขั้วรัฐบาล” แต่ต้องเซฟตัวเองให้ปลอดภัยที่สุด

คณิตศาสตร์ทางการเมืองที่ “ขั้วรัฐบาล” มี 246 เสียง “ขั้วฝ่ายค้าน-กลุ่มธรรมนัส” มี 234 เสียง ห่างกันแค่ 8 เสียง โอกาสที่คะแนนเสียงจะสวิงไปมามีสูงลิบ

“ขั้วรัฐบาล” ต้องหาเสียงจาก ส.ส.งูเห่า มาเติมให้ได้มากที่สุด เนื่องจากการโหวตกฎหมายสำคัญ การโหวตศึกซักฟอก อาจจะต้องตัดเสียงจาก “ประธานสภาฯ-รองประธานสภาฯ” ออก 3 เสียง จะทำให้ช่องว่างเหลือเพียง 5 เสียงเท่านั้น

ดังนั้นหาก “ขั้วรัฐบาล” หา ส.ส.งูเห่า มาเติมให้ไม่ตรงเป้า อาจจะทำให้ “ประยุทธ์-รัฐบาล” ต้องพ้นจากเก้าอี้ฝ่ายบริหารไปโดยปริยาย เช่นเดียวกัน “ขั้วฝ่ายค้าน” ต้องมีกลยุทธ์ป้องกันไม่ให้ ส.ส.งูเห่า แผลงฤทธิ์เช่นกัน

ศึกระหว่าง “ประยุทธ์” VS “ธรรมนัส” เดินทางมาถึงจุดไคลแม็กซ์ สู้กันตาต่อตาฟันต่อฟัน มีอนาคตทางการเมืองของทั้งคู่เป็นเดิมพันในกระดานสุดท้าย