“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก   จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์"

“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก    จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์"

สถานการณ์ภายในของ "เศรษฐกิจไทย" ที่ถูกเปลี่ยนขั้ว เป็น "ธรรมนัส" 100% ส่งผลสะเทือนถึง "ประยุทธ์" ใน "สมรภูมิในสภาฯ" เพราะ 25เสียงที่ "ธรรมนัส" มี อาจผันไปจับขั้วฝ่ายค้าน "ล้มกระดานอำนาจ" คว่ำ "ประยุทธ์" ได้

         เวที “ประชุมสภาฯ” เปิดฉากขึ้นแล้ว เท่ากับว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และองคาพยพ ต้องทุ่มกำลังเพื่อรับสถานการณ์ใน “สมรภูมิรบ” ที่ขนาบมาใกล้ตัว และหลีกเลี่ยงไปไหนไม่ได้

 

         กับสถานการณ์ ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องเจอในเร็วๆ นี้ และเป็นศึกใหญ่วัดใจพรรคร่วมรัฐบาล คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ ลงระเบียบวาระให้พิจารณา ว่าจะรับหลักการหรือไม่ 3 วันรวด ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน

 

         แม้ประวัติศาสตร์ของสภาฯ ชุดปัจจุบัน “ฝ่ายค้าน” ไม่เคยคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระแรกได้ เพราะ      

 

         1. เกรงใจประชาชน ในฐานะผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากกการใช้งบประมาณของรัฐ  

 

          2. การพิจารณางบประมาณในชั้นกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ เป็นช่องทางที่สามารถล้วงความลับการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงที่ไม่เคยถูกตรวจสอบได้ง่าย เช่น กองทัพ  

 

         3. การต่อยอดจากการผ่านงบประมาณในชั้นกรรมาธิการฯ ที่อาจมี “เงินทอน” มายังฝ่ายการเมืองในอนาคต 

 

         ทว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 66 รอบนี้ อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้

“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก    จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์\"

         เพราะมีการส่งสัญญาณมาจาก ผู้นำฝ่ายค้าน "ชลน่าน ศรีแก้ว” แล้วว่า หากสภาฯ ไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ แต่ทางกฎหมายสามารถใช้งบปีเก่าไปก่อน เว้นแต่งบเพื่อลงทุน ดังนั้นทางเลือก ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะการไม่ให้ผ่าน อาจเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่า

 

         นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยที่อาจเกื้อหนุนสำคัญ คือ เสียงในสภาฯ กับการแบ่งขั้ว ที่แจกแจงได้ถึง 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่าย “ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล” กับ “พรรคฝ่ายค้าน” ซึ่งมีความก้ำกึ่งในเรื่องคะแนนเสียงโหวตเป็นฐาน และ “กลุ่ม ส.ส.พรรคเล็ก-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”

“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก    จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์\"

         ปัจจุบัน ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ มีทั้งสิ้น 476 คน แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 209 เสียง “ส.ส.พรรคเล็ก-ธรรมนัส” ประมาณ 25 เสียง และ “ฝ่ายรัฐบาล” มีเสียง 242 เสียง แต่เมื่อหักลบ ส.ส.ที่มีตำแหน่งรัฐมนตรี 15 คน และ ตำแหน่งประธานสภาฯ รองประธานสภา จำนวน 3 คน ฝ่ายนี้จะมีส.ส.ล้วนๆ 224 คน

“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก    จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์\"

         ดังนั้น ท่าทีที่ปรากฎมาจากฝ่ายค้าน ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค ต่างยิ้มย่อง เมื่อกระแสเสียงตอนนี้ ดูท่าจะเข้าทาง

         เนื่องจากเกิดประเด็น “คุมคนไม่อยู่” ใน พรรคเศรษฐกิจไทย ที่ “บิ๊กน้อย“  พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธา ตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ ”3 ป.” ถูกนักการเมืองในพรรคเล่นเกมหักเหลี่ยม เขี่ยพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค

 

         ปมสำคัญ ที่ถูกบอกเล่าจาก “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค" หัวหน้าพรรคไทรักธรรม คนสนิท "ธรรมนัส พรหมเผ่า” คือ มีความขัดแย้งระหว่าง “ร.อ.ธรรมนัส” กับ “พล.อ.วิชญ์” ปมให้สนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ต่อ

“สมรภูมิสภาฯ เปิดฉาก    จับตาดีล “209+25” คว่ำ“ประยุทธ์\"

         ทำให้ ขณะนี้ 18 เสียงของ ส.ส. พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นอิสระ และอยู่ภายใต้การกำกับของ “ธรรมนัส” แบบ 100%

 

         และเมื่อรวมกับ ส.ส.ปัดเศษ “กลุ่มพรรคเล็ก” 17 เสียง ของ พิเชษฐ สถิรชวาล และ พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ทำให้ 25 เสียงที่อยู่ในมือ “ธรรมนัส” ที่เลือกข้างตรวจสอบ “ประยุทธ์” จึงเป็นเหตุผลที่ “ฝ่ายค้าน” ยิ้มย่อง

 

         ล่าสุด “นพ.ชลน่าน” ประกาศดัง ๆ ว่า หาก 25 เสียงนี้ จะเปิดดีล จับมือเฉพาะกิจช่วงโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯ หรือ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

         ทว่า การ “คว่ำประยุทธ์” หากจะเอาจริง โดยดึงพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมาร่วมมือ คงเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าผ่าน และมีผลบังคับใช้

 

         เพราะจะเป็นหลักการันตีได้ว่า ไม่มีใครที่เขียนกติกาเพื่อเอื้อขั้วอำนาจเก่า ที่ไม่ได้มาจากประชาชน ให้คืนสู่เวทีการเมืองสมัยหน้าได้อีก.