ส.ก.พลังกรุงเทพหนีตาย หัก“ประวิตร”ซบ“สกลธี”

ส.ก.พลังกรุงเทพหนีตาย หัก“ประวิตร”ซบ“สกลธี”

เหตุผลหลักที่ ผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ กลับหลังหันมาสนับสนุน “สกลธี” เพราะการที่ “ประวิตร” บัญชาการให้สนับสนุน “อิศวิน” อาจจะทำให้คะแนนของ ผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ ลดน้อยลงทันที เนื่องจาก “อัศวิน” เอง มีทีมผู้สมัคร ส.ก.รักษ์กรุงเทพ ที่ส่งชิงเก้าอี้ ส.ก.อยู่แล้ว

อลหม่านวุ่นวายไม่เลิก หลังผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของทีมพลังกรุงเทพ พรรคพลังประชารัฐ เมินคำสั่งของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่มีกระแสข่าวให้ผู้สมัคร ส.ก.พลังกรุงเทพ สนับสนุน “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. เบอร์ 6 แต่กลับมีผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ แยกวง เปิดตัวไปสนับสนุน “เดอะจั้ม” สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม. เบอร์ 3 แทน

โดยผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ จำนวน 12 คน ประกอบด้วย นายอาชวิน สีตบุตร เขตคลองสาน เบอร์ 2 นายพีรพัทธ์ ศรีสิงห์ เขตธนบุรี เบอร์ 4 นายปรินต์ ทองปุสสะ เขตบางนา เบอร์ 2 นายเริง ม่วงชุ่ม เขตบางแค เบอร์ 3 นายณัฐวิชช์ ดำรงค์ศรีวงศ์ เขตพญาไท เบอร์ 6 นายชูชาติ ยิ้มงาม เขตภาษีเจริญ เบอร์ 5

นายอนุชาญ กวางทอง เขตราชเทวี เบอร์ 2 น.ส.รุ้งตะวัน ธัญภัทรานนท์ เขตลาดพร้าว เบอร์ 1 น.ส.ปฏิมา ชุติมันต์ เขตวังทองหลาง เบอร์ 2 นางโสภา อมราศรัยศรี เขตสวนหลวง เบอร์ 3 นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ เบอร์ 1 และว่าที่ร้อยเอกวีรพล วงษ์มะเซาะ เขตคันนายาว เบอร์ 4

ยังมี ผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ อีกหลายคนที่แอบปันใจให้ “สกลธี” แต่ยังไม่กล้าเปิดหน้า-เปิดตัว เพราะเกรงจะถูกเช็คบิลภายหลัง เพราะรู้กันดีว่ากลไกอำนาจรัฐที่อยู่ในมือ “บิ๊ก พปชร.” มีพลังมหาศาล อาจสะเทือนไปถึง “แบ็คอัพ” ของผู้สมัคร ส.ก.ทีมพลังกรุงเทพ ได้

เหตุผลหลักที่ ผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ กลับหลังหันมาสนับสนุน “สกลธี” เพราะการที่ “ประวิตร” บัญชาการให้สนับสนุน “อิศวิน” อาจจะทำให้คะแนนของ ผู้สมัคร ส.ก. ทีมพลังกรุงเทพ ลดน้อยลงทันที เนื่องจาก “อัศวิน” เอง มีทีมผู้สมัคร ส.ก.รักษ์กรุงเทพ ที่ส่งชิงเก้าอี้ ส.ก.อยู่แล้ว

ทำให้ ผู้สมัคร ส.ก. พลังกรุงเทพ ไม่อาจสนับสนุน “อัศวิน” ได้ เพราะเท่ากับเป็นการเทคะแนนของตัวเอง ไปให้กับคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้เสียฐานเสียงทางการเมืองไปด้วย โดยเฉพาะฐานเสียงของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในระดับพื้นที่รู้กันว่า ส่ง ผู้สมัคร ส.ก.ลงชิงเก้าอี้ในนามทีมพลังกรุงเทพ

หาก ส.ส. พลังประชารัฐ เสียเก้าอี้ ส.ก. ให้กับคู่แข่ง ย่อมส่งผลต่อการชิงเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ใกล้จะมาถึง อย่างแน่นอน 

เวลานี้ ส.ส. พลังประชารัฐ จึงคิดหนัก แม้จะเป็นคำสั่งจาก “นายป้อม” แต่หากยอมทำตาม อาจสูญเสียคะแนนของตัวเอง และกระทบต่ออนาคตทางการเมือง

ทางออกของ ส.ส. พลังประชารัฐ ที่มีความใกล้ชิดกับ ผู้สมัคร ส.ส. ทีมพลังกรุงเทพ หลายคนจึงยอมหัก ไม่ยอมงอ ไฟเขียวให้ผู้สมัคร ส.ก. ในคอนโทรล ออกมาเปิดตัวสนับสนุน“สกลธี” แม้จะรู้ว่าอาจต้องชักธงรบกับ “ประวิตร” ก็ต้องยอม

ปัญหาดังกล่าว ต้องย้อนไปที่ตัวของ พี่น้อง 2 ป. “ประวิตร” และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่เด็ดขาดพอในการเลือกตัวแทนชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. หากชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะส่งใครลงชิง อาจกล่อมให้อีกฝ่ายหลีกทางให้ได้

แต่เมื่อสัญญาณจาก “ประยุทธ์-ประวิตร” ออกมาแบบแทงกั๊ก ทำให้หัวขบวนของแต่ละปีก ต้องเซ็ตคน-เซ็ตทีมเตรียมการเอาไว้ เมื่อเวทีเปิดต่างคนต่างส่งผู้สมัครในทีมของตัวเอง ทำให้ต้องแย่งคะแนนกันเอง และอาจส่งผลให้ “แพ้ศึก” กันทั้งสองฝ่าย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สนามผู้ว่าฯกทม.-สนามส.ก. จะสะท้อนการบริหารจัดการของ “3 ป.” ในสนามใหญ่ที่จะมาถึงด้วย หากยังแบ่งข้างกันเอง แตกพรรคออกไปอีก อาจเสียหายหนัก เพราะฐานคะแนนของ “3 ป.-กลุ่มอนุรักษ์นิยม” ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เป็นฐานคะแนนเก่า ที่นับวันจะลดน้อยถอยลงด้วยซ้ำ

หากมาแย่งคะแนนในฐานเดียวกันเอง ยิ่งจะทำให้ความเข้มแข็งของ “3 ป.-พรรคการเมืองเครือข่าย” ลดลง ส่งผลให้ “ขั้วฝ่ายค้าน” ที่นับวันจะเข้มแข็งขึ้นมาก มีโอกาสแลนด์สไลด์ได้จริง

โดยเฉพาะ “พรรคก้าวไกล” ที่ฐานเสียงหลักคือ “คนรุ่นใหม่” ซึ่งมีแต่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แม้ “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” จะพยายามคุมเกมไม่ให้ “พรรคก้าวไกล” เติบโตได้ ส.ส.จำนวนมากเหมือนอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่จากกระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. ทีมของพรรคก้าวไกลมีโอกาสได้คะแนนถล่มทลาย

ฉะนั้นสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-สนามส.ก. จะเป็นคำตอบให้ “3 ป.-พรรคการเมืองเครือข่าย” คิดทบทวนการวางหมากเดินเกมทางการเมือง หากยังไม่สามารถประสานกันเป็นหนึ่งเดียวได้ โอกาสแพ้การเลือกตั้งย่อมมีสูง โอกาสกลับมามีอำนาจทางการเมืองก็ยากยิ่งขึ้น

ต้องจับตาว่า คะแนนสนามผู้ว่าฯ กทม.-สนามส.ก.ระหว่าง “ขั้วอนุรักษ์นิยม” และ “ขั้วประชาธิปไตย” จะมีคะแนนออกมาในทิศทางใด เพราะนั่นคือภาพสะท้อนกระแสและโอกาสในการเมืองสนามใหญ่ได้อย่างชัดเจนที่สุด