"พปชร." แบน "พิเชษฐ" เป็นปฏิปักษ์ ไร้สำนึก จับมือ "พท." คุย "นักโทษ" ล้มรัฐบาล
"ไพบูลย์" เผย ฝ่ายกฎหมาย "พปชร." ชี้ "พิเชษฐ" เป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค หลัง ตั้งกลุ่ม 16 จับมือ "พท." คุย "ทักษิณ" นักโทษหนีคดี ล้ม "รัฐบาล" ขัดข้อบังคับเพียบ ไร้จิตสำนึกในอุดมคติของพรรค สั่งแบน 6 เดือน ห้าม เข้าร่วมสังฆกรรม
นายไพบูล์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาถึงพฤติกรรมนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค และหัวหน้ากลุ่ม 16 ที่เคลื่อนไหวร่วมกับพรรคเพื่อไทย ในการนำข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับและจริยธรรมของพรรค ว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฎหมายฯ ระบุว่า 1.นายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้จัดตั้งกลุ่มการเมืองใช้ชื่อกลุ่ม 16 เพื่อเคลื่อนไหวการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพรรค และตามคำสั่งหัวหน้าพรรคไม่ให้สมาชิกพรรคมีการตั้งกลุ่มการเมืองขึ้น เพราะจะเป็นการทำลายเอกภาพของพรรคพลังประชารัฐ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า 2.นายพิเชษฐ ได้ใช้สถานะการเป็นสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในวันที่ 28 เม.ย. และในวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะยื่นไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ การกระทำของพรรคเพื่อไทยเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อปรากฏว่านายพิเชษฐ ไปร่วมประชุมหารือวางแผนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยถึง 2 ครั้ง การกระทำของนายพิเชษฐ จึงเป็นการกระทำที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และเป็นการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุนี้นายพิเชษฐ จึงฝ่าฝืนข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐหลายข้อ
นายไพบูลย์ ระบุอีกว่า 3.นายพิเชษฐ ได้โทรศัพท์คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และเป็นบุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวข้างต้นของนายพิเชษฐ ตามที่ระบุมาจึงเป็นการกระทำตามอำเภอใจ โดยไม่มีสำนึกร่วมรับผิดชอบต่อเสถียรภาพของพรรค ไม่มีจิตสำนึกในอุดมคติของพรรค ในฐานะเป็นเจ้าของพรรค ไม่เป็นไปตามหลักการอยู่ร่วมกันของสมาชิกพรรคภายใต้ระเบียบแบบแผนของพรรคพลังประชารัฐ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เมื่อปรากฏว่านายพิเชษฐ ไปร่วมประชุมหารือวางแผนให้คำปรึกษาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยถึง 2 ครั้ง การกระทำของนายพิเชษฐ จึงเป็นการกระทำที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และเป็นการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้สังคมและบุคคลภายนอกเข้าใจผิดและตำหนิติเตียนพรรคพลังประชารัฐ ทำให้พรรคเสียหายต่อชื่อเสียง และนายพิเชษฐ ได้มีการติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และเป็นบุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพลังประชารัฐ เป็นการคบหาผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะสมาชิกพรรคต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคตามข้อบังคับ ข้อที่ 56 (1) (3) และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกพรรค ตามข้อบังคับ ข้อที่ 64 ข้อที่ 69 ข้อที่ 72 ข้อที่ 76 ดังนี้
โดยข้อที่ 56 สมาชิกพรรคการเมืองมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคการเมือง ดังต่อไปนี้
(1) ร่วมรับผิดชอบต่อเสถียรภาพของพรรคการเมือง และให้ความร่วมมือในกิจกรรมของพรรคการเมืองด้วยจิตสำนึกในอุดมคติของพรรคการเมืองในฐานะเป็นเจ้าของพรรคการเมืองร่วมกัน
(3) ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของพรรคการเมืองอย่างเคร่งครัด ให้การสนับสนุนนโยบายและมติของพรรคการเมืองอย่างจริงจัง
ข้อที่ 64 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อที่ 69 ไม่ให้คำปรึกษาแก่บุคคลภายนอก หรือแสดงความคิดเห็น หรือข้อมูลต่อสาธารณะหรือสาธารณชนในเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสียความเป็นธรรมแก่การปฏิบัติหน้าที่เว้นแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายขององค์กร
ข้อที่ 72 ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่
ข้อที่ 76 รักษาความลับของพรรคการเมืองและระเบียบแบบแผนของพรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เมื่อคณะกรรมการฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำของนายพิเชษฐ ได้กระทำที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะสมาชิกพรรคต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคตามข้อบังคับ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกพรรค เพื่อเป็นการรักษาหลักการและแนวทางปฏิบัติที่เคยดำเนินการในกรณีก่อนหน้านี้ จึงมีมติเห็นควรให้ดำเนินการงดเว้นสิทธิของนายพิเชษฐ ที่พึงได้จากพรรคเป็นการชั่วคราวระยะเวลา 6 เดือนให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.-12พ.ย. นี้ ได้แก่
1. สิทธิในการได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ หรือตำแหน่งอื่นในสัดส่วนของพรรค
2. สิทธิในการร่วมกิจกรรม ร่วมประชุมหรือใช้ห้องประชุมพรรค และสิทธิในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ เช่น ในระบบแอพลิเคชั่นไลน์ของพรรค
3. สิทธิในการใช้ชื่อ ตรา เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ของพรรคพลังประชารัฐ ในการ ประชาสัมพันธ์ ต่างๆ