"จอนนี่ แอนโฟเน" ขอโทษ ร่วมม็อบ "กปปส." แจง กลับใจ เห็นลุงจูงประเทศวิกฤติ

"จอนนี่ แอนโฟเน" ขอโทษ ร่วมม็อบ "กปปส." แจง กลับใจ เห็นลุงจูงประเทศวิกฤติ

"จอนนี่ แอนโฟเน" ขอโทษ เคยออกไปร่วมชุมนุม "กปปส." ต้าน "พ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง" จนนำสู่การ "รัฐประหาร" แจง ตอนนี้กลับใจแล้ว ตาสว่าง เห็นระบอบลุง ลากจูงประเทศสู่วิกฤติ

นายจอนนี่ แอนโฟเน สมาชิกพรรคพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า จอนนี่กลับใจใช่ครับ ผมขอโทษ ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557 ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความที่คิดของผมเอง ด้วยการเสพสื่อโซเชียลว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณีซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน

วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหารไม่เคยมีสัญญาณใดๆ เกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้ แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้น จนในที่สุดลุงมาทำรัฐประหารและได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤติขนาดนี้ สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้

"ใช่ครับ การถูกเกลียด ถูกด่า ถูกขุดคุ้ย หรือไม่ถูกให้อภัย เป็นราคาที่ผมต้องจ่ายโดยที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้" 

สิ่งแรกที่ผมทำได้ คือการ ขอโทษเพื่อลดความผิดพลาดของผมในอดีต แทนการเรียกร้องให้ทุกคนอภัย ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด

\"จอนนี่ แอนโฟเน\" ขอโทษ ร่วมม็อบ \"กปปส.\" แจง กลับใจ เห็นลุงจูงประเทศวิกฤติ

การออกมาในวันนี้ของผมก็เพื่อ "ปัจจุบัน" และ "อนาคต" ผมเองไม่สามารถลบอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลับไปทำความเข้าใจอดีตและความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องความยุติธรรม เป็นแรงให้กับผมในการกลับมาชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับ ประเทศที่ผมรัก 

วันนี้ที่ผมออกมาพูดไม่ใช่เพราะว่าถูก ทัวร์ลง ผมร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยมากกว่า 1 ปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิดก็ได้ลงพื้นที่ส่งผู้ป่วย แจกของช่วยเหลือ ประสานเตียงผู้ป่วย แต่ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ ก็เพราะสิ่งที่ผมทำในอดีต  กลายเป็นทำให้ผมต้องถูกผลักไปอยู่อีกข้างโดยปริยาย ผมเป็นคนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาระบอบลุง ไม่เอา นิรโทษกรรม ผมก็ไม่รู้ว่าคนแบบผมจะถูกจัดไปอยู่ในพวกไหน

แต่วันนี้ผมได้มีโอกาสพูด ผมก็อยากจะฝากไปถึงใครก็ตามที่วันนี้ เขาได้เห็นความเลวร้ายของผลพวงจากการรัฐประหาร ได้เห็นว่าลุงกู้เงินจนเราต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน ได้เห็นว่าการรัฐประหารไม่ได้นำมาซึ่งความสุขสงบ เหมือนที่ลุงเอาไปเป็นข้ออ้าง เขาได้เห็นว่าวันนี้ยังไม่มี รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่พิลึกกึกกือที่สุด เขาได้เห็นเหมือนกันกับผมที่การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต เขาได้เห็นเหมือนกันกับผม ที่เศรษฐกิจแย่ จนคนตัวเล็กตัวน้อยต้องกู้หนี้ยืมสินต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด ฯ

ออกมาจากซอกหลืบเถอะออกมาจากข้างหลังตู้เย็นเถอะไม่ต้องลบโปรไฟล์ ไม่ต้องไล่ลบรูปอีกแล้ว

เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถนำข้อผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ได้เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถทำให้ประเทศมันดีได้ เพราะเรายังคงรักประเทศนี้เหมือนกัน

ออกมาช่วยกันทำให้ประเทศมันดี มาช่วยกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพื่อวางฐานรากของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สร้างประเทศที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบอนาคตประเทศให้กับลูกหลานของเราเถอะ 

อย่ากลัวที่จะออกมาเผชิญหน้ากับความจริง เพราะวันนึงเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตการเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่การขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้พิสูจน์แล้วว่าทำให้บ้านเมืองมีปัญหา เป็นผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าความขัดแย้งของคนในชาติควรยุติลง เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติของชาติ จึงเข้าร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง และหันมาช่วยกันสร้างเศรษฐกิจไทย

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เข้าใจผมและส่งความห่วงใยมาทุกช่องทาง

ผมขอขอบคุณพี่น้อง พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้ให้โอกาสผมได้เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของผมซึ่งการกระทำในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทยเลย 

ผมขอให้เวลาและการทำงานเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจและอุดมการณ์ครั้งใหม่ของผมผมขอยืนยันว่า การพิสูจน์ตัวตน บนเส้นทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องยากที่จะได้รับความเชื่อมั่นความเชื่อใจในเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่ชัดเจนที่สุด และเป็นก้าวแรกที่จะเดินบนสนามประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม คือการพิสูจน์ตัวเองผ่าน การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และผมตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดให้ดีที่สุด