เจาะพอร์ตหุ้น 5 แห่ง 30.1 ล้าน “น้ำหอม สุภาพร” ส.ส.สงขลา เมีย “นายกฯชาย”

เจาะพอร์ตหุ้น 5 แห่ง 30.1 ล้าน “น้ำหอม สุภาพร” ส.ส.สงขลา เมีย “นายกฯชาย”

เจาะพอร์ตหุ้น 5 แห่ง 30.1 ล้านบาท “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล ส.ส.สงขลา ป้ายแดง ภริยา “นายกฯชาย” เดชอิศม์ รองหัวหน้า ปชป.คุมใต้ ทำธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ-ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร-ถมดิน-ให้เช่ารถขุด คว้างานรัฐด้วย 2 รายการปี 61 วงเงิน 19.7 ล้านบาท

น้ำหอมสุภาพร กำเนิดผล เป็นนักการเมืองระดับชาติรายล่าสุด ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา หลังจากชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา แทนนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
    
“น้ำหอม” คือภริยาของ “นายกฯชายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้กว้างขวางแห่งสงขลา ปัจจุบันเป็น ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรค ปชป.ดูแลพื้นที่ภาคใต้ โดยทั้งคู่มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 635,831,761 บาท และมีหนี้สินรวมกัน 52,644,424 บาท

ทรัพย์สินที่น่าสนใจคือข้อมูลทางธุรกิจของ “น้ำหอม สุภาพร” ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ระบุว่า ถือหุ้นในบริษัทจำกัดรวม 5 รายการ รวมวงเงินกว่า 30.1 ล้านบาท เมื่อสืบค้นข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2565 พบรายละเอียด ดังนี้

  • บริษัท แอล เอส โกลบอล จำกัด

ได้มาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2551 ถือ 80,000 หุ้น มูลค่า 8 ล้านบาท บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2551 ทุนปัจจุบัน 20 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 117 ถนนคลองเรียน 1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ประกอบกิจการโรงแรม ปรากฏชื่อ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นกรรมการ

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2565 “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ถือหุ้นใหญ่สุด 50% “น้ำหอม” สุภาพร ถือรองลงมา 40% และนายวงศ์วชิระ ขาวทอง (สจ.เสือ) บุตรชาย “นายกฯชาย” ถือ 10%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 9,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 9,000 บาท

  • บริษัท ทรัพย์สมบัติ 2018 จำกัด

ได้มาเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ถือ 1,000 หุ้น มูลค่า 1 แสนบาท บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 52/4 ถนนกาญจนวณิชย์ ซอย 17/1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ซื้อขายแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏชื่อ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล นายวงศ์วชิระ ขาวทอง เป็นกรรมการ

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายเดชอิศม์ ถือหุ้นใหญ่สุด 85% น.ส.สุภาพร ถือ 10% นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ถือ 5%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 7,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 7,000 บาท

  • บริษัท โกลด์ ไดมอน พร็อพเพอตี้ จำกัด

ได้มาเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2559 ถือ 5,000 หุ้น มูลค่า 5 แสนบาท บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2559 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 52/4 ถนนกาญจนวณิชย์ ซอย 17/1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ปรากฏชื่อ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล นายวงศ์วชิระ ขาวทอง เป็นกรรมการ

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 น.ส.สุภาพร ถือหุ้นใหญ่สุด 50% นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ถือ 25% และนายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง บุตรชาย “นายกฯชาย” ถือ 25%

  • บริษัท อินเตอร์ เอส ดี กรุ๊ป จำกัด

ได้มาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2553 ถือ 40,000 หุ้น มูลค่า 4 ล้านบาท บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2553 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 113 หมู่ที่ 9 ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ก่อสร้างขุดถมดินปรับระดับพื้นที่ก่อสร้าง ปรากฏชื่อ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล เป็นกรรมการ

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 31 พ.ค. 2564 น.ส.สุภาพร ถือใหญ่สุด 40% นายสุรชัย แซ่แต้ ถือ 25% นาย เต็ก ลอง ง๊วน ถือ 25% นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ถือ 10%

  • บริษัท ไทยอินเตอร์แมชชีน จำกัด

ได้มาเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2560 ถือ 175,000 หุ้น มูลค่า 17.5 ล้านบาท บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2560 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 36/53 ซอย8 (นิพัทธ์สงเคราะห์ 1) ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้เช่ารถขุดไฮดรอลิค ปรากฏชื่อ นายสุรชัย แซ่เต้ เป็นกรรมการรายเดียว

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายสุรชัย แซ่แต้ และ น.ส.สุภาพร ถือหุ้นใหญ่ 35% เท่ากัน ที่เหลือนายธวัตชัย ฆังฆะ ถือ 30%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 6,201,864 บาท รายจ่ายรวม 22,692,529 บาท ขาดทุนสุทธิ 16,490,665 บาท

บริษัทแห่งนี้ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ อย่างน้อย 2  รายการ ในปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 19.73 ล้านบาท