“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน ลั่นหมัดเด็ด 12 นโยบายทำได้จริง

“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน ลั่นหมัดเด็ด 12 นโยบายทำได้จริง

“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน เผยหมัดเด็ดโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม.” คือนโยบายชัดเจน-ทำได้จริง 12 ข้อ อ้อนขอคะแนนเสียงประชาชน ยันถ้าได้เป็นไม่มีรอมชอม-เกี้ยเซียะกลุ่มทุน

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร “มาร์ท” นายอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย เบอร์ 4 เดินหน้าแนะนำตัวหาเสียงกับพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดบางเขนและพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างการลงพื้นที่ ทั้งคู่ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างคึกคัก สะท้อนความต้องการอยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปีของคน กทม. 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า มั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ในเขตจตุจักร รู้จักมาร์ทในฐานะคนทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด มาร์ททำงานอย่างหนักช่วยเหลือคนจตุจักรอย่างสม่ำเสมอ นี่จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ก.เขตนี้จะสามารถคว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ได้

“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน ลั่นหมัดเด็ด 12 นโยบายทำได้จริง

นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขตจตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอีกเขต เนื่องจากมีคนหลากหลายอาชีพ ประชากรมีรายได้หลายระดับ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและอุดหนุนสวัสดิการคนเมือง วิโรจน์ให้ความเห็นเพิ่มเกี่ยวกับเขตจตุจักรว่า ตนกังวลเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุขและการจัดการขยะในพื้นที่เขต เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา คนจตุจักรจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข ทำให้ตนต้องออกนโยบายด้านสาธารณสุขขึ้นมาปิดช่องโหว่ปัญหานี้ ซึ่งก็คือนโยบาย "วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน" ที่เน้นการให้บริการฟรี วัคซีนปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และพร้อมเปลี่ยนศูนย์สาธารณสุข กทม. เป็นศูนย์ฟรีวัคซีน 

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาเรื่องการเก็บขยะของพื้นที่ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง เขตจตุจักรมีตลาดสดจำนวนมาก การจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ซึ่งที่แล้วมาตนพูดถึงแนวทางการเก็บขยะที่เหลื่อมล้ำกัน สองมาตรฐาน ระหว่างประชาชนและทุนใหญ่ ทุนห้างสรรพสินค้าเสมอ รถขยะ กทม. เก็บขยะห้างวันละสองครั้งทุกวันไม่หยุด แต่กลับเก็บขยะหน้าบ้านประชาชนล่าช้า ซึ่งตนเห็นว่า กทม.ต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่าการรับใช้นายทุนห้างสรรพสินค้า

“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน ลั่นหมัดเด็ด 12 นโยบายทำได้จริง

หลังจากนั้น นายวิโรจน์ เดินทางต่อไปยังชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่  จากนั้นร่วมเดินพบปะประชาชนกับ “เนอส” น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ เบอร์ 3 เดินหาเสียงพร้อมสื่อสารนโยบายสวัสดิการคนเมือง ระหว่างการหาเสียงมีผู้สูงอายุจำนวนมากให้ความสนใจนโยบายสวัสดิการคนเมือง ที่จะช่วยเติมเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุเพิ่มอีกคนละ 400 บาท เป็น 1,000 บาท โดยใช้งบกลางของกทม. รวมถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดิน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า นโยบายสวัสดิการคนเมืองที่จะอุดหนุนผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ เป็นนโยบายที่ทำได้ทันทีใน 100 วันแรกของการเป็นผู้ว่าฯ ไม่ต้องรอ ยิ่งเดินเข้าชุมชน ก็ยิ่งได้เห็นภาพเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งต้องเร่งกระจายสวัสดิการให้กับคนกรุงเทพ นอกจากนี้มีเจ้าของร้านโชว์ห่วยหลายรายในชุมชนเดินเข้ามาพูดคุยและแสดงความเห็นว่าต้องการให้ผู้ว่าฯ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจและช่วยเรื่องความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

“วิโรจน์” ลงพื้นที่จตุจักร-บางเขน ลั่นหมัดเด็ด 12 นโยบายทำได้จริง

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ช่วงโค้งสุดท้ายจะเน้นสื่อสารนโยบายที่ทำได้จริงเป็นหมัดเด็ด หมัดฮุกทำให้ประชาชนหันมาเลือกตนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะแนวทางการชูรัฐสวัสดิการ และนโยบายงบประมาณที่คนกรุงเทพเลือกเองได้ ซึ่งนโยบายหลักเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาปัญหาและภาระด้านการเงินของคนกรุงเทพ และสามารถคืนความเป็นธรรมให้ผู้คน ไปพร้อมๆ กับการสร้างเมืองที่ทุกคนเท่ากันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนมักไม่มีความเชื่อมั่นกับการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. เพราะเชื่อว่าไม่สามารถทำนโยบายที่ตามที่พูดได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า สาเหตุจริง ๆ แล้วมาจากการที่ผู้ว่าฯ คนที่แล้ว ๆ มา มักเกรงใจผู้รับเหมา นายทุน ทำให้ไม่มีการตัดสินใจเพื่อประชาชน เน้นตัดสินใจอยู่บนฐานของผลประโยชน์กลุ่มทุนและความสัมพันธ์ที่ไม่มียึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก ตนเชื่อว่า หากได้มีโอกาสเป็นผู้ว่าฯ กทม. นอกจากจะพร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพตามสโลแกนที่ว่าไว้แล้ว ยังจะเน้นการทำงานเชิงรุก เน้นผลประโยชน์ประชาชนแทนการรอมชอมและเกี้ยเซียะ