นายกฯ สั่งทีมเศรษฐกิจลุยโรดโชว์ดึงต่างชาติลงทุน ประเดิมญี่ปุ่นประเทศแรก

นายกฯ สั่งทีมเศรษฐกิจลุยโรดโชว์ดึงต่างชาติลงทุน ประเดิมญี่ปุ่นประเทศแรก

นายกฯ สั่งการเดินหน้า สร้างความเชื่อมั่นดึงต่างชาติลงทุนไทย มอบทีมเศรษฐกิจเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลมาตรการจูงใจ ประเดิมญี่ปุ่นประเทศแรกต่อด้วยประเทศผู้ลงทุนหลักที่เปิดประเทศแล้ว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีนโยบายให้ตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์เป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมาก็ได้มีมติยกเลิกข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศไทยในรูปแบบ Test&Go เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยมีผลเริ่มวันที่ 1 พ.ค. 2565 ไปแล้วนั้น  
 
ทางด้านการลงทุนเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานดูแลรับผิดชอบ จัดทำแผนเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกาศหลายมาตรการ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของนักลงทุนในต่างประเทศระหว่างวันที่ 19-23 เม.ย. ที่ผ่านมา นายสุพัฒนพงษ์ ได้นำคณะไปจัดกิจกรรมส่งเสริมและชักจูงการลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นต่างชาติที่มีการลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด และเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญของโลก ซึ่งในโอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ให้ข้อมูลนักลงทุนเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรม S-Curve รวมถึงมาตรการจูงใจนักธุรกิจและนักลงทุนเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทยโดยถือวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว (Long – Term Resident Visa: LTR) 
 
“ต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีให้มีการเจรจาทั้งทางการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อเร่งให้การค้าและการลงทุนเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย ซึ่งตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีเนื่องจากหลายประเทศได้เปิดประเทศ สามารถเดินทางได้มากขึ้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนของการโร้ดโชว์ในต่างประเทศนั้นเริ่มจากญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก ซึ่งตามแผนงานของสำนักงานบีโอไอจะทยอยเดินทางไปประเทศที่มีการลงทุนในไทยมากและเปิดประเทศแล้ว เช่น ยุโรป สหรัฐฯ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบที่รองนายกรัฐมนตรีนำคณะไปในนามของรัฐบาลและระดับการให้ข้อมูลโดยสำนักงานบีโอไอเอง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

ทั้งนี้ ข้อมูลการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 ที่ผ่านมา มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด 1,674 โครงการ มูลค่าการลงทุน 642,680 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคำขอของนักลงทุนต่างชาติ 783 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 455,331 ล้านบาท

ประเทศที่มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน 10 อันดับแรก ได้แก่

  1. ญี่ปุ่น 178 โครงการ เงินลงทุน 80,733 ล้านบาท
  2. จีน 112 โครงการ เงินลงทุน 38,567 ล้านบาท
  3. สิงคโปร์ 96 โครงการ เงินลงทุน 29,669 ล้านบาท
  4. สหรัฐฯ 41 โครงการ เงินลงทุน 29,519 ล้านบาท
  5. ไต้หวัน 39 โครงการ เงินลงทุน 21,804 ล้านบาท
  6. ออสเตรีย 2 โครงการ เงินลงทุน 14,808 ล้านบาท
  7. อิตาลี 5 โครงการ เงินลงทุน 13,158 ล้านบาท
  8. เกาหลีใต้ 28 โครงการ เงินลงทุน 12,419 ล้านบาท
  9. ฮ่องกง 62 โครงการ เงินลงทุน 12,390 ล้านบาท
  10. นอร์เวย์ 2 โครงการ เงินลงทุน 10,314 ล้านบาท