จบปีแห่งความเหนื่อยล้า เราจะผ่านวิกฤติกันอีกครั้ง

ผ่านไปอีก 1 ปีกับ “ปี 2568” เราเชื่อว่าเป็นปีที่ “คนไทย” เกินกว่าครึ่งรู้สึก “เหนื่อยล้า-หมดแรง” ซึ่งตรงกับคำแห่งปีที่ Glassdoor ให้นิยามโลกการทำงานในปี 2568 ไว้ว่า “Fatigue” หรือความอ่อนล้าหมดแรง...
คิดว่าคงไม่ต้องอธิบายคำคำนี้เยอะไปกว่านี้แล้ว เพราะสภาพชีวิต ภาวะเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนรอบด้านที่เราผ่านพ้นมา ทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนว่า กำลังเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ยิ่งปีนี้ “วิกฤติ” ไม่ได้เกิดแค่รอบเดียว แต่ถาโถมมาไม่หยุดหย่อน ทิ้งร่องรอยความเหนื่อยล้าไว้กับสังคมอย่างฝังลึก
ตลอดปี 2568 ประเทศไทยเผชิญกับ “ภัยพิบัติรุนแรง” กระทบทั้งชีวิต จิตใจ และทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในเดือนมีนาคม รุนแรงถึงขั้นอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่มลงมา อาคารสูงหลายแห่งในประเทศไทยก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย เป็นความสูญเสียอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ต่อด้วยมหาอุทกภัยภาคใต้ที่ระดับน้ำสูงเกินกว่า 3 เมตร ทำลายบ้านเรือน วิถีชีวิต และความมั่นคงของครอบครัวจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ไปไม่น้อย ซ้ำเติมด้วยความโศกเศร้าระดับชาติ จากการสวรรคตของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญที่คนไทยทั้งประเทศจะจดจำไปอีกยาวนาน
ในมิติของปากท้องและเศรษฐกิจ ปี 2568 คือช่วงเวลาที่คนไทยต้องดิ้นรนท่ามกลาง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าศักยภาพ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เรื้อรัง ภาวะที่รายได้ไม่ขยับ แต่ค่าครองชีพยังเป็นภาระหนัก ทำให้คนวัยทำงานจำนวนมากรู้สึกเหมือนกำลัง ติดอยู่ในกับดัก ตลาดแรงงานไม่เอื้อให้เติบโตหรือเปลี่ยนผ่านได้ง่าย แรงกดดันยังเพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของเทคโนโลยี AI และสงครามการค้าโลกที่กระทบต่อการส่งออก การลงทุน การจ้างงาน ส่งผลให้ระดับความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน สังคมไทยยังเผชิญกับ ความไม่มั่นคงรอบด้าน ตั้งแต่เหตุปะทะตามแนวชายแดน “ไทย–กัมพูชา” ที่ทำให้ประชาชนนับแสนต้องอพยพ ความผันผวนทางการเมืองและการยุบสภายิ่งซ้ำเติมความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจ ทำให้ความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดูเลือนราง นับเป็นปีที่ “หนักหนา สะเทือนใจ และท้าทาย” เกินกว่าที่ใครหลายคนจะคาดคิด
ในวันสุดท้ายของปี 2568 กองบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ ขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจคนไทยทุกคนที่ยังสามารถยืนหยัด ผ่านพ้นปีอันแสนสาหัสนี้มาได้ แม้หลายคนต้องฝืนเดินต่อทั้งที่พลังแทบไม่เหลือ แต่ความอดทนและการไม่ยอมแพ้เหล่านี้ อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างลุกขึ้นสู้ไปพร้อมกัน นี่คือสิ่งที่น่านับถือ แม้ปีข้างหน้ายังเต็มไปด้วยแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงใหม่ๆ ที่ไม่รู้จะถาโถมเข้ามารูปแบบใด แต่เราเชื่อว่าบทเรียนจากปี 2568 จะกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญ เราหวังว่าช่วงวันหยุดยาวข้ามปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนได้ดูแลพลังใจของตัวเอง ปรับลำดับความสำคัญของชีวิต และเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ เพราะตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้และยังร่วมมือกันเดินต่อไปได้ เราเชื่อมั่นว่า วันข้างหน้าจะดีกว่าวันนี้เสมอ... The year ahead will be brighter สวัสดีปีใหม่ทุกคน!







