โคมตรา เครื่องสักการะพระราชพิธีวิสาขบูชา

ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ในการพระราชพิธีวิสาขบูชา มีการประดับประดาด้วยโคมตราและเทียนจุดถวายเป็นพุทธบูชา โดยเสด็จพระราชกุศล เนื่องในวันสำคัญทางศาสนา สะท้อนศรัทธาของคนไทยที่มีมาช้านาน
วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนออกไปทำบุญเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา ตรงกับวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน โดยเกิดในวันและเดือนเดียวกัน กล่าวคือ วันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
ในโอกาสนี้ สำนักพระราชวัง ประชาสัมพันธ์ข่าวแก่พุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาจะจัดโคมตราหรือเทียนไปจุดเป็นพุทธบูชาโดยเสด็จพระราชกุศล เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นองค์พุทธมามกะ ทำนุบำรุงพระศาสนามาโดยตลอด และมีพระราชดำริให้จัดตั้งการพระราชพิธีวิสาขบูชาขึ้น ที่ผ่านมา พระราชพิธีวิสาขบูชาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงสมัยอยุธยา ครั้นบ้านเมืองเกิดภัยสงคราม การพระราชพิธีดังกล่าวจึงเว้นว่างไป
กระทั่งสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อฟื้นพระราชพิธีวิสาขบูชาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ประชาชนประกอบงานบุญตามพระราชประสงค์ โดยกำหนดให้มีพระราชพิธีสามวัน คือวันขึ้น 14 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำและวันแรม เดือน 6 ในปีพ.ศ.2360
อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโต๊ะหมู่บูชา ประดับโคมเทียน โคมประดับเทียนต้นดอกไม้สด แขวนรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาตามแบบโบราณราชประเพณี ในขณะเดียวกันตามบ้านเรือนของประชาชน มีการประดับประดาโคมประทีปสว่างไสวไปทั่ว
สมัยรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ ตั้งโต๊ะหมูบูชารอบระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม รวมทั้งถวายโคมตราในเวลาค่ำทั้งสามคืน
ล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน พระราชพิธีวิสาขบูชายังคงสืบสานเรื่อยมา อีกทั้งยังประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ยังพร้อมใจนำโคมตรามาถวายเป็นพุทธบูชา โดยเสด็จพระราชกุศล เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา
ทั้งนี้รูปแบบของโคมตรา ได้รับการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ในอดีตเคยมีการประกวดแข่งขันโคมตราและมีรางวัลพระราชทานเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ร่วมงาน โดยลวดลายของโคมตราที่ออกแบบไว้เป็นสัญลักษณ์ของบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ กระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการในปัจจุบัน
ส่วนวัสดุที่นำมาสร้างเป็นโคมตรา ก็ปรับเปลี่ยนไปตามแต่ช่างฝีมือและผู้ว่าจ้างจะกำหนด เดิมทีใช้วัสดุย่อยสลายง่าย ทำเป็นรูปทรงจำลองเครื่องแขวนดอกไม้สดด้วยความประณีต ต่อมานิยมใช้วัสดุหลากหลาย อาทิ ดอกไม้ประดิษฐ์ทำจากกระดาษสีสันสดใส โลหะที่มีความแวววาว คริสตัลรูปทรงต่างๆ ที่มีความคงทน
เป็นไปตามข้อกำหนดรูปแบบที่สำนักพระราชวังออกข้อความประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับรายละเอียดการจัดโคมตราหรือเทียนไปจุดเป็นพุทธบูชาโดยเสด็จพระราชกุศล เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยปีนี้พุทธศาสนิกชน ส่ง 1 โคมตรา ต่อครอบครัว ห้างร้าน บริษัท และหน่วยงาน และหรือ ส่งเทียน ส่งได้ ไม่เกิน 1 คู่
โคมตราต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ไม่เกิน 70 เซนติเมตร (เทียนไม่กำหนด) โคมตราต้องมีน้ำหนักไม่ควรเกิน 7 กิโลกรัม (เทียนไม่กำหนด) หากเป็นโคมตราต้องมีหลอดไฟฟ้าติดมาให้พร้อม โดยใช้หลอดไฟฟ้าที่มีกำลังไม่เกิน 25 วัตต์ ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ มีสายไฟยาวประมาณ 2 เมตร พร้อมปลั๊กตัวผู้ติดประกอบให้เรียบร้อย ติดบัตรชื่อเจ้าของจะต้องผูกติดที่โคมตราหรือเทียนให้ชัดเจน
นำมาแขวนไว้บริเวณโดยรอบระเบียงคต และศาลารายที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีดังกล่าวแล้ว ผู้ที่นำโคมตรามาร่วมในพระราชพิธี จะได้นำกลับไปประดับตามอาคารบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคล แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในพุทธศาสนาของคนไทย












