ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" ณ วัดเทพประทาน (อธิพร) จ.จันทบุรี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภช พระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" ณ วัดเทพประทาน (อธิพร) จังหวัดจันทบุรี
วันนี้ (4 มีนาคม 2568) เวลา 16.54 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินถึงยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว หน้าที่ว่าการอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยัง วัดเทพประทาน (อธิพร) ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
เวลา 17.17 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงยังวัดเทพประทาน (อธิพร) เพื่อทรงประกอบพิธีสมโภช พระพุทธรูปพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" มี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
หลังจากทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึกแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล
เมื่อประธานสงฆ์ถวายศีล จบ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และรองประธานคณะกรรมการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร และพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กราบบังคมทูลรายงานการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อให้เป็นสมบัติของประเทศและของโลก อีกทั้งเพื่อให้ได้พลังมหาศาลที่จะคุ้มครองประเทศชาติสืบไป
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมผ้าทิพย์อักษรพระปรมาภิไธย "ภ.ป.ร" พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ ต่อจากนั้น ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" ทรงกราบ
จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
ในโอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้มีอุปการคุณสมทบกองทุนพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก
โครงการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" นี้ พระอาจารย์ธาตุ อธิปัญโญ เจ้าอาวาสวัดเทพประทาน (อธิพร) เป็นผู้ริเริ่มโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนหลักจาก กระทรวงมหาดไทย กองทัพอากาศ กรมประชาสัมพันธ์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในนานาประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายทั่วสารทิศ
ในการนี้ พระอาจารย์ธาตุ อธิปัญโญ เจ้าอาวาสวัดเทพประทาน (อธิพร) ถวายพระสมเด็จองค์ปฐม (ทำด้วยนิล) ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว หมายเลข 10 จำนวน 1 องค์ และพระพิมพ์ จำนวน 10 องค์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายพระสมเด็จองค์ปฐม (ทำด้วยนิล) ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว หมายเลข 10 จำนวน 1 องค์ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
โครงการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" เริ่มจัดสร้างตั้งแต่ปี 2554 โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เสด็จไปทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 แล้วเสร็จในปี 2566 ใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท
พระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" ปางชนะมาร หรือ ปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ มีหน้าตักกว้าง 29 เมตร สูง 45 เมตร กรมศิลปากรเป็นผู้จัดปั้น ประดิษฐานอยู่บริเวณดาดฟ้า "อาคารองค์พระ" ล้อมรอบด้วยลูกกรงหินอ่อนพรานนกกระต่าย 418 ลูก พื้นปูด้วยหินอ่อนขาว เช่นเดียวกับที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย คือแม้แดดร้อน แต่พื้นไม่ร้อนสามารถเดินด้วยเท้าเปล่าได้
"อาคารองค์พระ" สูง 2 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการถาวร ทั้งสองชั้น ชั้นที่ 1 ประดิษฐานพระสมเด็จองค์ปฐม (จำลอง) ปางจักรพรรดิ แกะสลักจากหยกพม่า หนัก 3 ตัน และประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระผนวช ที่จัดทำด้วยกระจกเทมเปอร์อย่างดี สามารถมองทะลุเห็นทั้งด้านหน้าด้านหลัง โดยประดิษฐานอยู่บนหินอ่อน ชั้นนี้ ผนัง 4 ด้าน มีภาพการจัดสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" อยู่บนผนังกระเบื้องทอง มีบอร์ดประวัติของวัดเทพประทาน (อธิพร) และบอร์ดธรรมะ มีภาพใบโพธิ์สีทองบนเสา เป็น guide map บอกว่าในอาคารนี้มีอะไรอยู่ที่ไหน ทางขึ้นบันไดเป็นรายนามผู้บริจาครายใหญ่จารึกบนใบโพธิ์ทอง
ชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระสมเด็จองค์ปฐม (จำลอง) ปางชนะมาร ทำด้วยโลหะรมดำ หนัก 1 ตัน มีนิทรรศการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งตัวอย่างวัตถุธาตุอันล้ำค่าที่นำมาจัดสร้าง ซึ่งจัดสร้างอย่างประณีตทุกขั้นตอน
โดย ผิวองค์พระ สร้างด้วยนิล ประมาณ 2 พันต้น ฉาบพลอยทับทิม ประมาณ 350 ตัน เวลากลางวัน องค์พระจะเป็นสีดำประกายชมพู ส่วนกลางคืน จะเป็นสีชมพูอมแดง
พระเกตุมาลาเปลวเพลิง แสดงให้ทราบถึงพุทธปัญญาที่แผ่ไปทั่วทิศานุทิศของพระพุทธเจ้า แยกเป็นแฉก 2 ข้าง ข้างละ 3 แฉก ส่วนปลายแหลมเป็นลายกนกสะบัดพริ้วสวยงาม ภายในบรรจุเขี้ยวหนุมาน เพื่อป้องกันฟ้าผ่า
พระเศียร ประดับเม็ดพระศก หรือก้นหอย จำนวน 406 เม็ด ทำจากนิลพลอยหลากสี ภายในเม็ดพระศก บรรจุหินเขี้ยวหนุมานไว้ด้วย
พระอุณาโลม เป็นหนึ่งในลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ มีขนาดกว้าง 1.50 เมตร สูง 1.20 เมตร ทำจากพลอยทับทิมสีแดง จำนวน 3,670 เม็ด เม็ดละประมาณ 10 กะรัต
ดวงพระเนตร พระเนตรดำ ทำจากหินสะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี (อัญมณีศักดิ์สิทธิ์) เป็นหินที่หายากสีดำทึบคล้ายนิล ข้างละ 1 ตันกว่า ส่วนพระเนตรขาว ทำจากกาบหอยมุก
ดวงพระหทัย ทำจากหินไข่มุกราตรี หรือหินสุริยันจันทรา สีเขียวคล้ายหยก กว้าง 1.20 เมตร ยาว 1.50 เมตร มีคุณสมบัติพิเศษคือ เก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และมีแสงสว่างในเวลากลางคืน คล้ายพรายน้ำนาฬิกา
และ พระนขา หรือ เล็บพระหัตถ์ ทำจากกาบหอยมุก
สมควรแก่เวลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินจากวัดเทพประทาน (อธิพร) ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว หน้าที่ว่าการอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
ในงานฯ มีการมอบหนังสือ "พลังแห่งศรัทธา" เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องด้วยภาพเกี่ยวกับการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน และการจัดหาทุนทอดกฐินผ้าป่าต่อเนื่อง 12 ปี เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่ทุกคนที่ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเฉลิมฉลองในพิธีสมโภชสำคัญครั้งประวัติศาสตร์นี้
และนำพระสมเด็จองค์ปฐม "พระพุทธเมตตา" สร้างด้วยนิล ที่ได้รับพระราชทานตราสัญลักษณ์ ภปร. ชนิดหน้าตัก และพระพิมพ์ มาให้ประชาชนที่ไปร่วมงาน ได้เช่าบูชาไว้เป็นสิริมงคล
นอกจากนี้ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. และมูลนิธิกาญจนบารมี นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ไปให้บริการประชาชน เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล ด้วย












